6 พฤษภาคม 2024
hilight-หลัก Sport Story

เกิดอะไร?!?กับยุทธการบอลไทยตะลุยเอเชียนคัพ :บีแหลมสิงห์

…..เห็นหน้าค่าตา “ทัพใหญ่” ซึ่งเป็น “ทัพจริง” ของ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ชุดทำศึกเอเชียนคัพ 2023 แต่เตะในปีนี้ 2024

เราอยู่ในกลุ่ม เอฟ ร่วมกับ คีร์กีซสถาน, โอมาน และซาอุดีอาระเบีย

ไม่ได้แปลกใจกับคำวิจารณ์ต่าง ๆ นา ๆ ซึ่งเป็นธรรมดาของชีวิต

ไม่เคยมีใครทำอะไรถูกใจคนได้พร้อมกันทั้งหมด

เอาเป็นว่าเคารพการตัดสินใจของคนทำงานคนทำทีมก่อนเป็นลำดับที่หนึ่ง 

📍ทีนี้มาว่ากันถึงการตระเตรียมความพร้อม ก่อนจะไปทำศึกนี้

เมื่อหมดยุคโบราณของการ “เก็บตัวร่วมกัน” แบบ “ยาวนาน” เพราะระบบการจัดการฟุตบอลเปลี่ยน

ทุกวันนี้ทุกคนต้องรักษาสภาพร่างกายมากับสโมสร เพื่อเข้ามาเล่น “ตามแทคติค” ของระบบทีมชาติ

นี่คือสิ่งที่เรารู้ดีเมื่อมี “ฟีฟ่าเดย์”

แต่เมื่อนักบอลไทยรวมตัวกันตั้งแต่ก่อนปีใหม่ และไปเตะกับ ทีมชาติญี่ปุ่น ในเกมโตโยไทร์สคัพ บางคนเลิกคิ้วสงสัยไปว่า แทนที่จะอยู่ร่วมกันเพื่อเข้าสู่เอเชี่ยนคัพ ที่จะเริ่มประเดิมทัวร์นาเมนท์ในวันที่ 12 มกราคมนี้เป็นต้นไปที่ประเทศกาตาร์

มีคำถามจากทุกแคว้นแดนดินว่า เมื่อมีโอกาสดี ๆ แบบนี้ถึง 2 สัปดาห์ แล้วทำไม

ทำไมเรากลับปล่อยให้นักบอลไปพัก(ด้วยเหรอ)

ก่อนจะมารวมตัวอีกครั้งในวันที่ 7 มกราคม เพราะยัง “อุตส่าห์” มีบอลตกค้าง แถมยังเป็นบอลบิ๊กไซซ์คู่ใหญ่บึ้มอย่าง แบงค็อก ยูไนเต็ด กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

📍ประเด็นคือ ไม่ได้กลับมาพร้อมกัน เพราะบางคนอยู่ต่อ แถมตัวของ มาซาทาดะ อิชิอิ ก็ยังไม่กลับ และเมื่อบวกกับนักบอลทีมชาติที่ประกาศออกมา ก็มีไปรับใช้สโมสร 8 คน

ที่เหลือล่ะ….ทำไมไม่รวมตัวกัน???

หรือบินไปเก็บตัวต่อเนื่องเหมือนเกือบทั้งหมดที่มาแข่งขันเค้าทำกันในขณะนี้ ในการบินไปเก็บตัวที่ยูเออีบ้าง ตุรกีบ้าง และกาตาร์บ้างเพื่อให้คุ้นชินกับสภาพอากาศ และบรรยากาศ

😀ขนาด ซาอุดีอาระเบีย ยังเดินทางไปกาตาร์แล้ว ทั้งที่ประเทศอาณาเขตติดกัน!!!!

หรือจะอ้างว่า กว่าเราจะเตะต้องรอจนถึงวันที่ 16 มกราคม ที่จะสตาร์ทเกมแรกกับ คีร์กิซสถาน ก็เลยไม่ต้องรีบไป…อย่างนั้นล่ะหรือ!?!?!

การเงินมีปัญหาหรือว่าคิดไม่ได้กันแน่

📍ทีนี่เมื่อเรามองถึงการอุ่นแข้งก่อนที่ทัวร์นาเมนท์จะเริ่มต้นขึ้น ยังไม่มีการระบุว่า ไทยจะพบกับใคร กระทั่งมาเปิดเผยว่า จะพบกับทีมไทยชุดน้อง คือ ยู-23

เหตุผลมากมายยกมาแบบ “ไม่ต้องไปฟัง” เพราะมันเป็น “ข้ออ้าง”ทั้งนั้น

โดยเฉพาะข้อที่มีข่าวว่า จะได้ดูฟอร์มนักบอลชุดเล็กไปในตัวเผื่ออนาคต

เอาดี ๆ ตอนนี้ปัจจุบันยังทำไม่ได้เลย 

ทำไปเพื่ออะไร

📍ตรงกันข้ามกับคู่แข่งอย่างสิ้นเชิง

คีร์กิซสถาน วางไว้แล้วว่าจะดวลกับ ซีเรีย และเวียดนาม

ซาอุฯ วางไว้ 3 เกม แบบทางการสองนัดกับ เลบานอน กับ ฮ่องกง และไม่เป็นทางการกับ ปาเลสไตน์

โอมาน ก็นัดกับ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เอาไว้แล้ว

ในทีแรกยังเชื่อว่า และหวังว่า “จะมี” แม้จะไม่เป็นทางการก็ “จำเป็นจะต้องมี”

เนื่องจากการฝึกซ้อมเพียงอย่างเดียวไม่พอต่อการ “เข้าใจถึงแทคติค” แน่นอน

เพราะเกมที่ผ่านมากับ ญี่ปุ่น แม้ว่า อิชิอิ จะบอกว่า “เขาสั่งลุย” แต่สภาพบอลไทยที่ออกมาคือ “เกมหน้าเดียว”

นั่นคือ เล่นเกมรับอย่างอดทนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

📍ยิ่งเราเจาะลึกลงไปว่า ก่อนเกมกับ ญี่ปุ่น เราก็ไม่ได้รวมตัวซ้อมกันเท่าไหร่นัก กับกุนซือคนใหม่ แถมศึกใหญ่หนนี้เตรียมการและเดินทางมีเวลา 9 วันก่อนลงสนาม และไม่มีแม่ทัพใหญ่อย่าง “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา กับ “เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่บาดเจ็บจนไม่มีชื่ออยู่ในทีม

น่าสนใจยิ่งกว่าเดิมเข้าไปอีกว่า การต้องต่อสู้กับทีมระดับ “ไปบอลโลก” อย่าง ซาอุดีอาระเบีย จะทำอย่างไรถึงจะทานทนได้ตลอดรอดฝั่ง หรือการเจอกับ โอมาน ที่มีโค้ชเก่งมาก ๆ อย่าง บรันโก้ อิวานโควิช เราจะรับมือกับแทคติคได้ขนาดไหน รวมถึง คีร์กิซถาน ที่ยังไงก็บอลออกแนวยุโรป

ความเข้าใจในเกม ความเข้าใจในแผน ความเข้าใจกันและกันจึงสำคัญมาก ๆ หลังจากเราเคย “ทิ้งโอกาส” ทำความเข้าใจครั้งสำคัญในการอุ่นเครื่อง 2 นัดบนแผ่นดินยุโรป กับ จอร์เจีย และเอสโตเนีย ด้วยการส่งชุดที่ “ไม่ได้ใช้” ค่อนทีม ทำให้ต่อไม่ติดในเกมเจอกับ จีน

จนเสียหายพ่ายคาบ้านประเดิมบอลโลก

📍จะค่อยยังดีหน่อยก็ตรงที่ “โปรแกรมเอื้อ” ให้เรามีโอกาสได้หายใจหายคอ ค่อย ๆ เจอ “เบาไปหนัก”

นั่นคือ นัดเปิดสนามวันอังคารที่ 16 พบ คีร์กีซสถาน 21.30 น. ต่อด้วยวันอาทิตย์ที่ 21 พบ โอมาน 21.30 น. และปิดท้ายวันพฤหัสบดีที่ 25 พบ ซาอุฯ 22.00 น.

เชื่อว่าในทางกลับกัน คีร์กีซ ก็คงดีใจไม่แพ้เรา ที่ได้เจอกับไทยก่อน🤣

ไม่รู้จะยังไง แต่บอลไทยของเรา มีอะไรให้ประหลาดใจอยู่เสมอ ๆ โดยเฉพาะการจัดการ

ตัวอย่างชัด ๆ ถ้ายังจำกันได้ ในศึกเอเชี่ยนคัพ ครั้งที่แล้ว ปี 2019 ทีมชาติไทย ประเดิมสนามแพ้ยับให้กับ อินเดีย 1-4 ทำให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ออกแถลงการณ์ “เปลี่ยนม้ากลางศึก” ผ่านเว็บไซต์สมาคมฯ

สั่งปลด “ลุงรา” มิโลวาน ราเยวัช กุนซือชาวเซอร์เบีย และทีมงานบางส่วนออกจากทีมทันที!!!!!

พร้อมตั้งให้ “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย ปฏิบัติหน้าที่รักษาการคุมทีม โดยมี โชคทวี พรหมรัตน์ เป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอน

จากนั้นบอลไทยกลายเป็นมีฮึดตีตั๋วเข้ารอบได้สำเร็จ ด้วยการชนะ บาห์เรน 1-0 และเสมอ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1-1 ก่อนจะไปแพ้ จีน ของ มาร์เซโล่ ลิปปี้ อดีตกุนซือแชมป์โลกชาวอิตาเลี่ยน หวุดหวิด 1-2 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย

หัวร่อไม่ไหว จะใคร่ก็ไม่ถูกนัก

อย่าให้มันแปลกแบบนี้อีกเลย……..

#บีแหลมสิงห์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *