7 พฤษภาคม 2024
hilight-หลัก Sport Story

สถานีบุนเดสลีกา ยับเยินเกินห้ามใจ #บีแหลมสิงห์

หลายคนยกย่องการเล่นของ ญี่ปุ่น ก็เป็นเรื่องปกติ เพราะพวกเขาไม่เคยชนะ เยอรมนี มาก่อนเลยจนกระทั่งบอลโลก 2022 ที่กาตาร์

ผมยังแทบจะเป็นลม เมื่อบรรยายเกมผ่านบอลหู FM99 เกมนั้นที่ ญี่ปุ่น กำชัย 2-1 แบบสะเด่าโลก

กลายเป็นการเจอกัน 2 หนหลัง ญี่ปุ่น กลับชนะได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด โดยเฉพาะบอลคอนโทรล ที่่ได้รับการยกย่องจากสื่อเมืองเบียร์เป็นอย่างมาก หลังจากสกอร์ขาดลอย 4-1 ที่โฟกสวาเก้น อารีน่า ในโวล์ฟสบวร์ก

เล็งเหลี่ยมไปที่นักบอลตัวจริง มาจากเจ ลีก 4 คน แต่มีแค่นายประตู เคซึเกะ โอซาโกะ(ขออนุญาตไม่เรียก โอซาโก้ นะฮะ 555) จาก ซานเฟรซเซ่ ฮิโรชิม่า ที่ได้เล่นตัวจริง

โค อิตากุระ ตัวหลักจากมึนเช่นกลัดบัค ในเยอรมนี ที่ยืนเซ็นเตอร์แบ๊กเป็นหลัก กับ ซูกินาริ ซูกาวาระ จากอาแซด อัลค์มาร์

ฮิโรกิ อิโตะ ของเฟาเอฟเบ สตุ๊ตการ์ท ในเยอรมนี และทาเคฮิโระ โตมิยาสึ ตัวแกร่งจากอาร์เซนอล

กองกลางมีกัปตันทีม วาตารุ เอ็นโดะ ปักอยู่ตรงกลาง “เล่นคู่” กับ ฮิเดมาสะ โมริตะ จากสปอร์ติ้ง ลิสบอน โดยมี ไดจิ คามาดะ จอมฟิตที่เพิ่งย้ายจากเยอรมนี ไป ลาซิโอ คอยเคลื่อนให้

เกมรุกด้านข้าง คาโดรุ มิโตมะ สายทักษะจากไบรท์ตัน เคลื่อนบิดไปบิดมาทางซ้าย และจุนยะ อิโตะ จากแรงส์ ในฝรั่งเศส ตะลุยตรงด้านขวา โดยมี อายาเสะ อูเอดะ หัวหอกของ เฟเยนอร์ด เป็นตัวเป้า

จากนั้นก็เล่นเคลื่อนตัวตามแทคติค ซึ่ง โตมิยาสึ ไลน์อัพยืนแบ๊กขวา แต่จริง ๆ แล้วยืนเซ็นเตอร์ด้านซ้ายด้วยซ้ำ ซึ่งการหมุนแนวของ “จารย์เด๋อ” ฮาจิเมะ โมริยาสึ โชว์ในโลกได้เห็นมาแล้วที่ตะวันออกกลางเมื่อปลายปีก่อน

สกอร์มันน่าประหลาดใจ 3 เม็ดเกิดตั้งแต่ไม่ถึงครึ่งทางของครึ่งแรก ญี่ปุ่น นำก่อนจาก จุนยะ อิโตะ ตั้งแต่นาทีที่ 11 แต่โดน เลรอย ซาเน่ ตีเสมอนาทีที่ 19 แต่ 3 นาทีถัดมา อูเอดะ ก็จัดการให้ ญี่ปุ่น กลับมานำมาอีก 2-

กระทั่งสกอร์มันจบออกมาได้ “น่าปวดใจ” สำหรับสาวกบอลเยอรมนี เมื่อโดนยิงช่วงนาทีสุดท้ายจากตัวแสบตัวเดิมอย่าง ทาคุมะ โอซาโนะ กองหน้าจากเฟาเอฟแอล โบคุ่ม ในเยอรมนี ที่เคยยิงประตูชัยใส่อินทรีเหล็ก ที่กาตาร์ ลงสำรองมาพังประตูอีกครั้ง และอีกเม็ดส่งท้ายจาก เอโอะ ทานากะ ผู้ทำประตูชัยดับ สเปน ในบอลโลก ก็เล่นอยู่ในลีกสอง เยอรมนี กับ ฟอร์ทูนา ดุสเซลดอร์ฟ

เมื่อเป็นแบบนี้ ฮันซี่ ฟลิก ท่าจะลำบาก

เยอรมนี ตกต่ำอย่างไม่น่าเชื่อ กับวงการลูกหนังระดับโลกในฟุตบอลรายการหลัก หลังจากพวกเขาเป็นแชมป์โลก 2014 ก็ไม่เคยเฉียดใกล้ได้ชิงอีกเลย

บอลโลก ย่ำแย่ถึงขีดสุด ตกรอบแรกถึง 2 สมัยติดต่อกัน ปี 2018 กับ 2022 ขณะที่บอลยูโร เข้ารอบตัดเชือก ปี 20116 และล่าสุด 2020(เตะปี 2021) ตกรอบ 16 ทีม

มีอยู่จุดหนึ่งที่ยังแก้ไขไม่ได้เลย นั่นก็คือ “นักบอลไม่ครบตามตำแหน่ง” และ “นักบอลที่มีไม่เป็นไปตามแผน” ของคนที่มาทำงาน

ฟลิก ถนัดมาก และมากจริง ๆ กับสไตล์ 4-2-3-1 ซึ่่งไม่ใช่สไตล์เยอรมันขนานแท้ ที่เรามักจะเห็นการเล่นในยุคก่อนคือ 3-5-2 แต่นั่นแหล่ะ ต่อให้กลับไปขนานแท้ที่ปัจจุบันปรับตามปีปฏิทิน 3-4-2-1 หรือจะอะไรก็ตาม

ผมมีมาฝาก 2 ข้อ

1.เยอรมนี เป็นทีมที่ไม่มีกองหน้าตัวเป้า

ลองไปไล่เรียงดูต้องบอกว่า “แทบไม่มีเลยด้วยซ้ำ”

คนที่อยู่ใน “บัญชีชื่อกองหน้า” ชุดนี้เหลือแค่แท้ ๆ คือ เควิน ชาเด้อ ที่เพิ่งย้ายจาก ไฟร์บวร์ก ไปเบรนท์ฟอร์ด อย่างเป็นทางการ ก็เป็นตัวเลือกที่ 4 ของ คริสเตียน ชไตร์ค

ที่เหลือคือตัวที่เล่นด้านข้าง ส่วนที่ไม่ได้มาก็จะมี นิคลาส ฟลือครู้ก ที่เพิ่งย้ายไป ดอร์ทมุนด์ แค่นั้นจริง ๆ

ชื่อของ ติโม แวร์เนอร์, เมกริม เบริชา, คาริม อเดเยมี่, ยุสซูฟ่า มูโกโก้ หรือ ลูคัส เมช่า เป็นพวกถนัดการเล่นออกข้างมากกว่าปักตรงกลาง

บอลของ ฟลิก ที่ดุดันมี โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เป็นตัววัดชะตาตัดสินเกมให้สมัยคุม บาเยิร์น ดูเหมือนยิ่งไร้พิษสงเมื่อมีกองหน้าฟอลส์ไนน์ อย่าง ไค ฮาแวร์ตซ์

2.นักบอลไม่ได้เล่นตำแหน่งที่ถนัดเกิน 4 ตำแหน่งทุกนัด

ฟลิก เจอปัญหาในกองหน้า ต้องใช้สไตล์หันหลังให้ประตูฝั่งตรงข้าม ทั้งที่เขาต้องการคนหันหน้าพังสกอร์ ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยในแดนกลางมากมายที่รออยู่ นั่นคือ ตำแหน่งของ โยชัว คิมมิช ที่ไม่เหมือนกับการเล่น “เดือยคู่” ใน บาเยิร์น มิวนิค

เอ็มเร่ ชาน ที่ยืนคนเดียวในดอร์ทมุนด์ โดดเด่นจนคืนชีพเกือบได้แชมป์บุนเดสฯเมื่อปีก่อน ในตำแหน่งตัวตัดเกมหน้าเซ็นเตอร์แบ๊ก และร่วมคุมจังหวะ ต้อง “เล่นเดือยคู่” ที่เขาดับสนิท

อิลคาย กุนโดกัน เล่นเป็นตัวเสียบด้านบน ยืนค้ำอยู่หลังกองหน้าตัวเป้า โดยไม่ต้องถอนลงมาลึกมาก เพื่อเซฟการปะทะ และเซฟกำลัง แต่การได้ปลอกแขนเป็นผู้นำ ทำให้ อิลคาย ใช้ร่างกายเยอะ ซึ่งตรงข้ามวัย

ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ เล่น “ปีกอินเวิร์ตด์” แบบสองตัวคู่กับ โยนาส ฮอฟมันน์ แล้วทรงประสิทธิภาพสุด ๆ กับ เลเวอร์คูเซ่น แต่ทีมชาติเล่นตัวเดียวไม่เท่าไหร่ เขาไม่มีกองหน้ามาชนให้ แต่มีกองหน้าที่เล่นตำแหน่งเดียวกัน ถอนลงมาทำให้จ็อบซ้ำซ้อน

ก่อนไป เชลซี ตำแหน่งที่ เวียร์ตซ์ เล่นกับ เลเวอร์ฯ คือตำแหน่งของ ฮาแวร์ตซ์

ขณะที่กองหลัง อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ไม่ได้เล่นระบบ 3 เซ็นเตอร์แบ๊กมาเป็นปี ๆ กับ เรอัล มาดริด แต่มาที่นี่ต้องมาเล่นซึ่งผิดจุดการยืน และตั้งคำถามว่า ทำไมเขาหยุดวิ่งก่อนที่ทีมจะเสียประตูที่ 3?????

…….ประมาณนี้

ที่ผ่านมา ฟลิก สมัยคุมทัพ บาเยิร์น 86 นัด ชนะ 70 แพ้แค่ 7 กวาดทุกแชมป์ที่ลงแข่งขัน ปี 2020-21 กดเรียบ

แต่คุมทัพ เยอรมนี 25 เกม แพ้ไป 6 เปอร์เซนต์ชนะเฉลี่ยแค่ 48 และแพ้ 3 เกมรวดเป็นครั้งแรกในสหัศวรรษนี้

ปีหน้า เยอรมนี เป็นเจ้าภาพยูโร2024 อย่างแน่นอน

แต่ถ้ายังเป็นแบบนี้ เทรนเนอร์คงไม่ใช่ ฮันซี่ ฟลิก แน่ ๆ………

เพราะไม่ใช่การทดลองแทคติก

แต่คือปัญหาเรื้อรังที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ยุคของ โยอาคิม เลิฟ

BLstore #BLsiam

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *