6 พฤษภาคม 2024
hilight-หลัก Story

‘ไทยลีก’ซีซั่นใหม่‘ชะตา’อยู่ในกำมือเรา!!!

หลายคนกำลังตื่นเต้นกับฟุตบอลต่างประเทศที่กำลังจะกลับมาดวลแข้งกันเริ่มตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป

ในทางคู่ขนาน “ฟุตบอลไทย” ระดับบอลลีก ก็จะเปิดสนามสุดสัปดาห์นี้เช่นเดียวกัน และวิธีการเตะนัดเปิดสนามเหมือนกับ พรีเมียร์ลีก แบบตรงเป๊ะ

แบ่งเตะ 4 วัน ตั้งแต่ ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์-จันทร์

โดยปกติแล้ววันศุกร์ กับวันจันทร์ จะเตะคู่เดียว แต่แมทช์เดย์ 1 มีเลื่อนมา 1 คู่ คือ โปลิศ เทโร กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ทำให้วันศุกร์มี 2 คู่

เราจะเห็นได้ว่า แต่ละคู่จะเตะในเวลาที่ไม่ตรงกัน ลักษณะการดำเนินงานก็ละม้ายกับ ลา ลีกา สเปน เพราะต้องการให้คนนั้น

มีโอกาสดูถ่ายทอดสดมากขึ้น (ก็เป็นได้)

ถามว่าทุกคนสมัครกันแล้วหรือยัง ก็เพื่อบอลไทย ไม่ใช่อาศัยแค่ลิงก์เถื่อนแล้วบอกว่า รักจริงใจนายว้าวุ่น

ถ่ายทอดสดเวลานี้ สามารถดูได้ทุกคู่ทั้งหมด 3 ระบบ ที่ทรู, AIS PLAY และ 3BB แพ็กเกจ รายเดือน 59 บาท หรือจะเหมารวดเดียวตลอดทั้งฤดูกาล บวกกับการดูบอลถ้วยทุกรายการในราคาเพียง 500 บาท

ถ้าว่ากันตรงๆ ก็คือ “ค่าดูบอลถูกที่สุดแห่งหนึ่งของโลก”

ส่วนฟรีทีวี ยังไม่มีคอนเฟิร์มว่าจะถ่ายช่องไหน ทั้งที่“ช่องของภาครัฐ” ควรจะออกแอ๊กชั่นมากกว่านี้

มันนิ่งเหมือนอุปกรณ์แช่ครกมากจนเกินไป

บอลจะเริ่มเตะ ก็ต้องคุยกันว่า ใครจะเป็นแชมป์ และใครจะน็อก บุรีรัมย์ ในฐานะเต็ง 1 และแชมป์เก่าลงจากบัลลังก์

ความเก๋า ความเขี้ยว ความเคี่ยว และตัวเสริมต่างชาติ ที่เป็นกุญแจสำคัญ เปลี่ยนแปลง ยกระดับทุกปี เลกแรกไม่ดี
พอเลกหลังเปลี่ยนอีก มีตังค์ซะอย่างเพื่อความครบเครื่อง

ลีออน พิชญ เจมส์, สุพร ปีนะกะตาโพธิ์, คิม มิน-ฮยอก, รามิล เซย์ดาเยฟ คือขุนพลที่เติมเข้ามา ส่วนที่ออกไป หลักๆ หน่อยก็ โจนาธาน โบลิงกิ

รายอื่นยังอยู่ครบ แล้วดีกรีทีมชาติไทย ยกชุด

บุรีรัมย์ ชุดนี้ เล็งไกลเป้าใหญ่ไปที่บอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีกถ้าถ้วยเอเชียไม่ทำให้พะว้าพะวัง แล้วมีทีมบ้าพลังทะลุกลางปล้องขึ้นมาพอดี ยังไงแชมป์ก็ไม่เปลี่ยนมือ

จุดนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ฟุตบอลไทยลดความนิยม เพราะเหมือนกับแชมป์ผูกขาด ซึ่งก็จะไปโทษ บุรีรัมย์ ไม่ได้

เพราะหลายทีมเลือกที่จะ “ประคองร่าง” และ “ลดระดับตัวเอง” ลงเองกันทั้งนั้น

จะด้วยผู้ให้การสนับสนุน, แพชชั่น หรืออะไรก็แล้วแต่ ยังไง บุรีรัมย์ ก็ยังเหนือกว่าทีมอื่น

ส่วนทีมรองลงมา “เดอะแรบบิท” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เติมทัพอย่างโหด “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ คนโตตัวเล็กมาเป็นตัวใหญ่ ร่วมกันกับ ดานิโล อัลเวส, เรนาโต เคลิซ, อิกอร์ เซอร์เกเยฟ

ส่วนตัวที่ออกไป ไม่มีใครทำให้สะเทือน มีใจหายบ้างที่ อันเดรส ตูเนซ แขวนสตั๊ด

องค์ประกอบอื่น นักเตะทีมชาติไทยของ บีจี ไม่แพ้ บุรีรัมย์ยูไนเต็ด

ความต่างคือ 1.ตัวนอกใหม่ บุรีรัมย์ ใช้ป้ายแดง ต้องลุ้นสักนิดว่าจะขนาดไหน ส่วนบีจี เน้นหน้าเดิม และ 2.กุนซือ
มาซาทาดะ อิชิอิ พิสูจน์ผลงานมาแล้ว ส่วน ธงชัย สุขโกกีมีคำถามมากมาย

กับ “งานใหญ่” บน “ลีกใหญ่”

ฟากฝั่ง “แข้งเทพ” ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด เพิ่งครองแชมป์ฟุตบอลแชมเปี้ยนส์คัพ เป็นแชมป์แรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร(ไม่รวมสมัย ม.กรุงเทพ) ในการน็อก บุรีรัมย์ ได้สำเร็จ

แต่ทีมของ ธชตวัน ศรีปาน เติมทัพได้มาแค่ 3 คน บุญทวี เทพวงค์ แบ๊กขวาจาก เมืองทอง ยูไนเต็ด, บาสเซล จราดี เพลย์เมกเกอร์ชาวเดนมาร์กเชื้อสายเลบานอน และ อมาดูซูคูนา กองหน้าชาวฝรั่งเศ

ถ้าจะปัง ก็คาดหวังว่า จราดี กับ ซูคูนา จะระเบิดฟอร์ม แบบเต็มฝัก เติมเต็มหรือดีกว่าช่องว่างของ เฮเบอร์ตี เฟอร์นานเดส
ที่ออกไป แต่อย่างว่า ปลามาเจอน้ำใหม่อะไรก็ไม่แน่

ฝั่ง “สิงห์เจ้าท่า” การท่าเรือ เสริมเติม ชานุกูล ก๋ารินทร์,เฉลิมศักดิ์ อักขี 2 ดีกรีทีมชาติไทย จากเทโร ส่วน บาร์รอสทาร์เดลลี มาเป็นซองแฝดกับ แฮมิลตัน โซอาเรส โดยมี ชาร์ลี คลัฟ จาก นครราชสีมา มาสด้า คุมแนวรับ

ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ กับ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ย้ายขาดเรียบร้อย และฟอร์มเลก 2 เมื่อปีก่อนก็ทำได้ดี

ท่าเรือ ต้องแก้ปัญหา บทจะหลุดก็รูดมหาราช เอาง่ายๆ คือแพ้ได้ แต่ต้องฟื้นเร็ว พอๆ กับคำถามตัวโตๆ ของคนคู่
“โค้ชโชค” โชคทวี พรหมรัตน์ กับ “โค้ชอั๋น” สุรพงษ์ คงเทพ จะดีพอกับสมรภูมิใหญ่หรือไม่

ข้ามมาถึงขวัญใจมหาชน “กิเลนผยอง” เมืองทอง ยูไนเต็ด กุนซือปีนี้ยังเป็น มาริโอ ยูรอฟสกี เต็งหลุดเก้าอี้ตลอดกาล

จนวันนี้ก็ยังเดินใส่สูทอยู่ที่ริมขอบเส้นเทคนิค

การมาของ “กันต์” ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร อย่าเพิ่งไปหวังมากทั้งการฟื้นตัว และการเล่นในไทยลีกครั้งแรก ถ้าจะรอดูก็ฌอง-โคล้ด บีลลง ปราการหลัง จะปึ้กพอ ขณะที่ สเตฟานเชโปวิช ต้องมาเร่งเครื่องให้ทีมได้เลย

นักเตะที่ออก ลูคัส โฮช่า, เฮนรี อานิเยร์, ซาดอร์ มีร์ซาเยฟ, เยสเปอร์ นีโฮล์ม เหมือนจะไปกันเยอะ แต่ก็เชื่อว่าไม่ถึงกับสะเทือน

เมืองทอง ปีนี้จะเป็นตัวบู๊ ตัวลุย สร้างสีสัน แล้วคงไปหวังกับบอลถ้วย เช่นเดียวกับ ชลบุรี เอฟซี ที่มีกุนซือฝีมือดี มาโกโตะ เทกุระโมริ

ด้วยงบประมาณจำกัด การคุมทัพของ โค้ชเทกุ เป็นจุดเด่นเปล่งแสงที่สุด เพราะตัวเสริม ยังไม่เข้าตานัก แม้แต่ เบนจามิน เดวิส

สรุปแล้วไทยลีกปีนี้ บุรีรัมย์ ยังเป็นเต็ง 1 โดยมีบีจี ปทุม ที่พร้อมท้าชน ซึ่งก็ต้องเอาให้ได้ ไม่ใช่อยู่ๆ เครื่องสะบัดคลัตช์เสียเกียร์แตกเหมือนซีซั่นที่แล้ว

ท่าเรือ กับ ทรู แบงค็อก รอดูจังหวะ ตัวเองต้องท็อปฟอร์มเบ่งตัวให้สุด แล้วลุ้น 2 ทีมบน มีหลุดเยอะๆ ส่วน ชลบุรี กับ เมืองทอง จะเป็นทีมบู๊ เรียกเสียงเชียร์ อาจมีแว้บๆ ไปบนๆ บ้าง แต่ระยะยาว จะค่อยๆ วูบ

แบ่ง 3 ระดับได้แบบนี้สำหรับหัวตารางไทยลีกฤดูกาล 2023-24

สำคัญที่สุดก็คือ ปีนี้การเปลี่ยนแปลงบนลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด

ที่สุดท้าย “เรื่องแดง” ออกมา ทั้งมูลค่าตัวของมันเอง, ผู้ให้การสนับสนุน และผู้บริหาร รวมกันถึงขั้นเกิดวิกฤติ

ท้ายที่สุดแล้ว ก็ต้องใช้คำว่า “ร่วมด้วยช่วยกัน” นั่นคือการซื้อแพ็กเกจถ่ายทอดสดอุดหนุนวงการฟุตบอลไทย อย่าไปปวดหัวกับหาลิงก์เถื่อน

ราคาก็ไม่ได้แพงมาก

เหมาๆ 500 บาท พอๆ กับ กินบุฟเฟ่ต์มื้อ

เดียว อุดหนุนไปเถอะ ช่วยๆ กัน

นักบอลก็ต้องเล่นให้ดี, ฟุตบอลก็ต้องตั้งใจสู้, คนดูเป็นซัพพอร์ตเตอร์ และผู้ตัดสินก็จงเป็นธรรม

เมื่อบอลไทยพึ่งกับใครไม่ได้ ก็เป็นแฟนบอลนี่แหละที่กุมชะตา

เหมือนกับชีวิตจริงที่ยิ่งกว่าละคร……..

บอลไทยใครก็รัก🇹🇭 #BLteam #บีแหลมสิงห์ทีม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

hilight-หลัก, Sport

ครบ 16 ที

hilight-หลัก, Sport

“วร

hilight-หลัก, Sport

กระอัก!แข