จับตาเต็งแชมป์“เอเชี่ยนคัพ2023”
ศึกฟุตบอลชิงแชมป์ทวีปเอเชีย หรือ เอเชี่ยน คัพ 2023 ที่ประเทศกาตาร์ กำลังจะเริ่มฟาดแข้งในช่วงระหว่างวันที่ 12 มกราคม ถึงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ มี 24 ทีมที่ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย บรรดานักเตะชั้นนำที่ค้าแข้งในยุโรปต่างก็ร่วมเดินทางมาทำภารกิจรับใช้ทีมชาติ รวมถึงแข้ง “ช้างศึก”
วันนี้เรามาจับตามองกันว่า 5 ทีมเต็งแชมป์ครั้งนี้คือใคร!?!?!?!?!
๐ ญี่ปุ่น
“ซามูไรบูลส์” ทีมชาติญี่ปุ่น คว้าแชมป์รายการนี้มากที่สุด 4 สมัย 1992, 2000, 2004 และ2011จาการเข้าชิง 5 ครั้ง พลาดไปหนึ่งหนในปี 2019 ชุดนี้ยังคงคุมทัพโดย ฮาจิเมะ โมริยาสึ ถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่งของทัวร์นาเมนท์ด้วยอัตราแทง 4 จ่าย 9 สืบเนื่องมาจากผลงานหลังจบศึกฟุตบอลโลก 2022 พวกเขาชนะ 9 เกมติด ผ่านทีมใหญ่ ๆ อย่าง เยอรมนี และตุรกี ที่โดนพวกเขาสอยไปทีมละ 4 ประตู
ขุมกำลังชุดนี้ถือว่าสมบูรณ์สุด ๆ อุดมไปด้วยแข้งชื่อดังที่โลดแล่นอยู่ในยุโรป นำโดยกัปตันทีม วาตารุ เอ็นโด จาก “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่กำลังเข้าฟอร์ม รวมไปถึง คาโอรุ มิโตมะ (ไบรท์ตัน), ทาคุมิ มินามิโนะ (โมนาโก), ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ (อาร์เซน่อล), อายาเสะ อูเอดะ (เฟเยนูร์ด), ริทสึ โดอัน (ไฟร์บวร์ก), ทาเคฟุสะ คุโบะ (เรอัล โซเซียดาด) รวมไปถึง ทาคุมะ อาซาโนะ (โบคุ่ม) โดยมีผู้เล่นที่ค้าแข้งในเจลีก ติดทีมมา 5 ราย ไล่ตั้งแต่ ไดยะ มาเอกาวะ (วิสเซล โกเบ), มาโอะ โอโซยะ (คาชิว่า เรย์โซล),ไทซิ แบรนดอน โนซาวะ (เอฟซี โตเกียว), เซอิยะ มาอิคูมะ (เซเรโซ่ โอซาก้า) และไคซู ซาโนะ (คาชิม่า แอนท์เลอร์ส)
๐ เกาหลีใต้
“โสมขาว” ทีมชาติเกาหลีใต้ เป็นไม้เบื่อไม้เมากับ ญี่ปุ่น มาตลอด คว้าแชมป์รายการนี้มา 2 สมัย เมื่อปี 1956 และ1960 อกหักเป็นรองแชมป์ถึง 4 ครั้ง 1972, 1980, 1988, และ2015 ชุดนี้คุมทัพโดย “ฉลามขาว” เยอร์เก้น คลินซ์มันน์อดีตหัวหอกทีมชาติเยอรมัน ถูกยกให้เป็นเต็ง 2 ของรายการด้วยอัตราแทง 2 จ่าย 9
โดยขุมกำลังหลักของพวกเขาแฟนบอลคุ้นหูกันเป็นอย่างดีไล่ตั้งแต่กัปตันทีม ซน ฮึง-มิน จากท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์, คิม มิน-แจ กำแพงเหล็กจากบาเยิร์น มิวนิค รวมไปถึงแนวรุกอย่าง ควาง ฮี-ชาน ที่กำลังท็อปฟอร์มอยู่กับวูล์ฟแฮมป์ตัน
๐ ออสเตรเลีย
“จิงโจ้” ออสเตรเลีย ข้ามทวีปจากโอเชียเนียที่ผูกขาดแชมป์มาตลอด ขอมามั่วในโซนเอเชียตั้งแต่ปี 2005 พวกเขาคว้าแชมป์รายการนี้ 1 สมัย เมื่อปี 2015 ด้วยการต่อเวลาพิเศษเอาชนะ เกาหลีใต้ 2-1 และอกหักเป็นรองแชมป์ 1 ครั้งในปี 2011 ด้วยรูปร่างสรีระสไตล์การเล่นออกแนวยุโรป ทีมชุดนี้อาจจะไม่ได้มีชื่อเสียงมากเหมือนกับสมัยก่อน คุมทัพโดย เกรแฮม อาร์โนลด์ แต่ก็ยังถูกยกให้เป็นเต็ง 3 ของรายการด้วยอัตราแทง 2 จ่าย 13
ตัวหลักที่ค้าแข้งในยุโรปนำโดย แมทธิว ไรอัน มือกาวกัปตันทีมจากอาแซด อัลค์ม่าร์, ไรลีย์แม็คกรี ห้องเครื่องจากมิดเดิ้ลสโบรห์, แฮร์รี่ ซุตตาร์ แนวรับของเลสเตอร์ ซิตี้, มาร์โก ติลิโอ้ แนวรุกจากเซลติก รวมไปถึงแจ็คสัน เออร์ไวน์ จากซังต์ เพาลี
๐ อิหร่าน
“นักรบแห่งเปอร์เซีย” ทีมชาติอิหร่าน ถือว่าเป็นชาติมหาอำนาจของวงการลูกหนังแถบตะวันออกกลาง คว้าแชมป์รายการนี้มา 3 สมัยจากการเข้าชิง 3 ครั้ง 1968, 1972 และ1976 เรียกได้ว่าถ้าหลุดมาถึงรอบชิงชนะเลิศพวกเขาไม่เคยพลาด ปัจจุบันคุมทีมโดย อาเมียร์ กาเลโนอี ที่เข้ามารับงานคุมทีมชาติเป็นหนที่สอง เมื่อเดือนมีนาคมปี 2023 ก่อนหน้านี้เขาเคยคุมมาแล้วเมื่อปี 2006-2008 ถูกยกให้เป็นเต็ง 4 ของรายการด้วยอัตราแทง 1 จ่าย 7
ขุมกำลังถือว่าไม่ธรรมดา มีหลายคนที่ค้าแข้งในลีกยุโรป อาทิ อาลีเลซ่า ยาฮานบัคช์ส ดาวเตะประสบการณ์สูงจากเฟเยนูร์ด, เมห์ตี้ ตาเรมี่ หัวหอกฟอร์มแรงจาก เอฟซี ปอร์โต้, ซามาน ก็อดดอส จากเบรนท์ฟอร์ด และเจ้าของฉายา “เมสซี่อิหร่าน” เซอร์ดาร์ อัซมูน จากไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น แต่ฤดูกาลนี้ถูกปล่อยให้ โรม่ายืมตัว
๐ ซาอุดีอาระเบีย
“อินทรีทะเลทราย” ทีมชาติซาอุดีอาระเบีย อีกหนึ่งชาติมหาอำนาจลูกหนังจากดินแดนตะวันออกกลางที่ขับเคี่ยวกับอิหร่านมาโดยตลอด เข้าชิงรายการนี้มากที่สุด 6 สมัยเท่ากับ เกาหลีใต้ โดยได้แชมป์ไป 3 ครั้ง ในปี 1984,1988 และ1996 อยู่ในกลุ่มเอฟ ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกันทีมชาติไทย ถูกยกให้เป็นเต็ง 5 ของรายการด้วยอัตราแทง 1 จ่าย 9
ปัจจุบันได้ โรแบร์โต้ มันชินี่ เข้ามาเป็นกุนซือ ขุมกำลัง 26 ผู้เล่นชุดนี้ล้วนแล้วค้าแข้งอยู่ในประเทศ ซาอุดีอาระเบีย โปรลีก ที่ตอนนี้อุดมไปด้วยแข้งซูเปอร์สตาร์ แกนหลักส่วนใหญ่ก็มาจากชุดลุยฟุตบอลโลก 2022 นำโดย อาลี อัล-บูไลฮี กองหลังจากอัล-ฮิลาล, ซาเล็ม อัล-ดอว์ซารี่ (อัล-ฮิลาล), ฟาฮัด อัล-มูวัลลัด (อัล-ชาบับ) ที่หลุดไปคือมิดฟิลด์มากประสบการณ์อย่าง ซัลมาน อัล-ฟาราจ์
นี่คือท็อป 5ทีมที่ไล่ล่าแชมป์ในปีนี้ ส่วนไทยเราถูกมองเป็นลำดับที่ 19 จาก 24 ทีมที่จะเป็นแชมป์
ส่วนทีมใดจะเป็นแชมป์ สำคัญไม่น้อยไปกว่า ประเทศไทยจะได้ดูการถ่ายทอดสดหรือไม่
กลายเป็นเรื่องระดับชาติไปอีกแล้วกับการซื้อลิขสิทธิ์
บี แหลมสิงห์
//////////////////////////
