7 พฤษภาคม 2024
hilight-หลัก Story

เรื่องของ”ใจ” #มองหลังไมค์ #สถานีบุนเดสลีกา

พี่สอง….หลังสาม

คนเราคิดให้หาวิธีให้ชนะก็ถือว่ายากแล้ว

ถ้าจะคิดว่าชนะแล้วทุบให้ราบคาบ ถือว่ายากมาก ๆ

แล้วความคิดครั้งนี้ของ โธมัส ทูเคิล ก็ผิดมหันต์ เพราะถ้าลองอ่านใจดูจะรู้เลยว่า ทูเคิล ไม่ได้คิดชนะในเกม “เพียงอย่างเดียว” เท่านั้น

แต่ต้องการจะปราบ ชาบี อลอนโซ่ ที่กำลังชื่อเสียงขึ้นภาชนะหุงต้มให้ขาดลอย

จะชนะและอยากชนะ ด้วยแผนและสูตรการเล่นของ อลอนโซ่

เราสังเกตุได้จากการให้สัมภาษณ์ที่เดือดดาลเหมือนน้ำต้มกา

อย่างไรก็ตาม มันเหมือนว่า “วิธีการ” และ “การปรุงสุก” ของ ทูเคิล ยังไม่มีเลย ไม่มีเลยแม้แต่น้อย

ทูเคิล เคยคุม เชลซี เล่นครองบอลและเคาะกันตั้งแต่แนวลึก เล่นปราการหลัง 3 คน นั่นก็เพราะเขาสามารถบันดาลได้ จนทำให้ทีมก้าวไปไกลจนถึงแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

ผลงานถือว่าเป็นที่สุดของที่สุด แต่ที่นี่ บาเยิร์น ก็เคยพังมาแล้วกับการเล่น 3 เซ็นเตอร์แบ๊ก ในยุคของ ยูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์

นาเกิลส์มันน์ ผู้ที่คลั่งไคล้ และมียุทธวิถีนี้ ยังจัดการกับ “คัทอินไซด์” กับสไตล์ใช้ปีกรุกตัดในของที่นี่ไม่ได้ ต้องระเห็จจากทีมไปแล้ว ทูเคิล นี่แหล่ะที่เข้ามา

สัญลักษณ์และวิธีการของบาเยิร์น กลับกลายเป็นศิโรราบและพลาดพ่ายในเกมนี้อย่างสิ้นเชิง

เซอร์ไพรส์มันเกิดขึ้นตั้งแต่เปิดรายชื่อ

ทูเคิล เลือกที่จะใช้ “ระบบชนระบบ” นั่นคือ อลอนโซ่ เล่นแผน 3-4-2-1 มาโดยตลอด แต่มีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง

เหมือนกับแผนแตกให้ อลอนโซ่ รู้ว่า ทูเคิล จะมาแบบนี้หรือไม่ อันนี้ก็ตอบไม่ได้ แต่นั่นก็เพราะว่า อลอนโซ่ น่าจะอ่านใจ ทูเคิล ได้ขาดกว่า

เป็นหนแรกที่เขาไม่เลือก “หน้าเป้า” ลงสนาม

ยึดระบบเดิม 3-4-2-1 แต่เหมือนกับ 1 ไม่มีคนเล่น ขยับ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ที่ปกติเป็นหนึ่งใน “2” เป็นฟอลส์ไนน์

ไม่ต้องให้ใครไปค้ำหน้า แม้ว่าจะมีทางเลือก 3 คนคือ โลเช็ก, ชิค และบอร์ฆา แต่ให้ เวียร์ตซ์ สลับขึ้นลงหมุนกับ อาดลี่ย์ และเทลล่า ที่เล่นในตำแหน่งเลข “2” ของแผน

แนวรับตัวใหญ่ 3 คนของบาเยิร์น เลยไม่จำเป็นเลย เพราะบอลไม่มีเปิดให้พิง แต่เล่นกว้าง กับทีมที่ไม่ถนัดกับการเล่นแบบนี้ และหลายคนเล่นแบบดัดตนจนพัง

โอเคว่า เอริค ดายเออร์ ถนัดกับตำแหน่งนี้คือ ปราการหลังตัวกลาง แต่ อูปาเมากาโน กับ คิม มิน แจ ปรับตัวกันได้นานแล้ว และไม่จำเป็นต้องยืน “3”

วิงแบ๊กทั้งสองฝั่ง โบอี้ คือฟูลแบ๊กขวา ถูกจับมาเป็น “วิงแบ๊กซ้าย” และมาซราอุย ขยับสูงขึ้นจากฟูลแบ๊กขวา เป็น “วิงขวา”

จุดแรกผิดธรรมชาติ ว่ากันตามเชิง ถ้าจะเล่นวิงแล้ว ราฟาเอล เกเรยโร่ เหมาะกว่าชัดเจน และจุดสองก็คือ ไม่ควระเล่นวิงเพราะรู้อยู่ว่า เลเวอร์คูเซ่น เป็นบอลหน้ากว้างที่อันตรายจากตัววิงที่วิ่งกันสลับกันพล่าน

มาซราอุย ไปแทบไม่เป็นเมื่อโดนสลับกันนวดจาก กรีมัลโด้,​ อาดลี่ย์ และฮินคาปิเย่

เจอบอลแบบ ไซด์-ทู-ไซด์ ไปไม่เป็น

ขณะที่ตำแหน่ง “คัท อินไซด์” ไม้ตายเด็ดของ บาเยิร์น ที่กลายเป็น วิ่งตรงบ้าง คัทบ้าง กลับกลายเป็น “ปีกอินเวิร์ต” ซึ่ง จามาล มูเซียล่า กับ เลรอย ซาเน่ หามีความถนัดไม่

มันทำให้ช่องว่างตรงกลางยิ่งเพิ่มขึ้น เพราะปกติ บาเยิร์น มีระบบที่ดีคือ 4-2-3-1 ซึ่งคนที่ยืนตรงกลางตรง “3” อย่าง โธมัส มึลเลอร์ จะช่วยซัพพอร์ตทั้งตรงกลาง ทั้งปีกสองฝั่ง เกมนี้ไม่มี

เจอกับทีมที่เล่นแบบนี้ กองกลางแข็ง ๆ แน่น ๆ อย่าง กรานิต ชาก้า และตัวตัดโหดอย่าง อันดริช ทำให้ทุกอย่างง่ายแบบไม่น่าจะง่ายแบบนี้

คนหนึ่งในหลายคนอาจจะตลกขบขัน แต่ผมกลับไม่เคยคิดจะขำด้วยนั่นคือ แฮร์รี่ เคน ซึ่งเมื่อวานนี้หลังจากบรรยายจบ ขับรถกลับบ้าน ผมไม่ได้คิดเรื่องอื่นยกเว้น มองทาง กับเรื่องของ เคน

เขาจะมีสภาพจิตใจขนาดไหนในตอนนี้ และถ้าเป็นเราจะคิดจนจิตตกหรือเปล่า กับการที่ไปไหนแล้วไม่ได้แชมป์

ที่นี่เป็นแชมป์ลีกมา 11 ปีติด แล้วพอเรามาแล้ว ทีมกลับตามหลังทีมนำ 5 แต้ม และแพ้แบบชัตเอาท์แบบนี้ เป็นเราจะทำยังไง

แล้วคนที่เป็นประเภทเหยียบซ้ำ หากสถานการณ์นี้ ถ้าเป็นคุณนั้นจะทำยังไง

คิดไม่ออกเหมือนกันนะ

เคน เหมือนกับตีรถเปล่า อารมณ์เหมือนกับความรู้สึกของพี่ที่เคารพของผมคนหนึ่งที่แกเคยบอกว่า ขับแท็กซี่แล้วไม่มีผู้โดยสารโบก

มันเจ็บปวดยิ่งกว่ารถพังเป็นไหน ๆ

เคน บอลมาไม่ถึง แม้ทีมจะปรับให้มันเป็นธรรมชาติเท่าที่จะทำได้ที่สุด หลังจากเสียเวลาไป 60 นาที และโดนยิงไป 2 ลูก ซึ่ง ทูเคิล กลับมาเล่น 4-2-3-1 แต่การแก้หมากหนที่สอง ก็ยังงง ๆ ว่า เกเรยโร่ ที่ลงมา ทำไมไม่ให้เป็นเล่นแบ๊กซ้าย

เอาเข้าจริง บาเยิร์น จะต้องเล่นแบบ “ปีกคัทอินไซด์” ไม่ใช่ “แบ๊กคัทอินไซด์”

เลเวอร์คูเซ่น ของ ชาบี อลอนโซ่ จึงได้รับชัยชนะที่งดงาม และสบายแบบตัวเขาเองก็คงจะไม่เคยคิดแบบนั้นมาเก่า

ทูเคิล แพ้ในความคิดที่อยากจะชนะ “แบบราบคาบ” และอยากจะปราบพยศ “อลอนโซ่” ในสไตล์ของเขาเอง

จนกระทั่งทุกอย่าง “มาแดง” ในสนามแข่งขัน

อยากจะชนะสงครามด้วยและอยากจะตัดคอแม่ทัพใหญ่ให้ได้ในคราเดียว

มันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอก 

ไม่คุ้มกันเลยแม้แต่น้อย

#บีแหลมสิงห์

ป.ล.ประเด็น มานูเอล นอยเออร์ ขึ้นมาเติมในช่วงทดเจ็บตอนทีมตาม 0-2 จนเป็นที่มาของการเสียประตูให้ ฟริมปง เป็น 3-0 ก็น่าประหลาดใจ เพราะมันไล่ยังไงก็น่าจะไม่ทันอยู่แล้ว

ถึงลูกนนั้นอาจจะเข้า และไล่มา 1-2 ก็ต้องเล่นแบบเฮลท์ แมรี่ เท่านั้นแหละจึงจะมีโอกาสเสมอ

สับสนและผิดพลาดไปหมดจริง ๆ นัดนี้ เอฟซี ฮอลลีวู้ด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *