7 พฤษภาคม 2024
hilight-หลัก Story

21 ปี 327 วัน 1,000 นัดของ”คล็อปป์”

เยอร์เก้น คล็อปป์ เป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลที่ออกหน้าสื่อมากที่สุดคนหนึ่งของโลกนับตั้งแต่การเข้ามาถือบังเหียนที่แอนฟิลด์
เกมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา คล็อปป์ คุมทัพครบนัดที่ 1,000 ในอาชีพกุนซือ เสมอ เชลซี 0-0 ถือเป็นตัวเลขที่น่าสนใจอย่างมาก กับมนุษย์ปกติธรรมดาคนหนึ่ง ซึ่งมีเส้นทางอาชีพที่ไม่ธรรมดา
กับการทำงานแบบ “ค่อย ๆ เดิน” ไม่ใช่มาจากการ “ขึ้นบันไดเลื่อน” หรือ “ขึ้นลิฟท์” เท่าไหร่นัก


เริ่มจากการทำงานเยอรมนีกับ ไมนซ์05 เมื่อรับงานนัดแรก ด้วยวัย 33 ปี เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2544 หรือ ค.ศ.2001 เขานำทัพเฉือน ดุ๊ยส์บวร์ก 1-0 ในเกมลีกาสอง
เป็นช่วงเวลาที่สโมสรกำลังสับสน หลังจาก โวล์ฟกัง แฟรงค์ ที่อยู่กับทีมมา 2 ปี โดนไล่ออกเมื่อ 17 เมษายน ปี 2000 จากนั้น ไมนซ์ ยิ่งมั่ว
เดิร์ค คาคูธ เข้ามารับงานจนถึงปิดซีซั่น ก็อำลาทีม จากนั้น เรเน่ ฟานเดเรคเค่น กุนซือเบลเยี่ยม มาทำงานแค่ 4 เดือนครึ่งก็โดนปลด ทีมได้ให้ มานเฟร็ด โลเรนซ์ คุมทัพชั่วคราวจนได้ตัวจอมเก๋าประสบการณ์อย่าง เอคฮาร์ด ครอตซุน ที่คุมทัพทั่วโลกถึง 29 สโมสรมาทำงาน


แต่เขาอยู่กับทีมแค่ 3 เดือน ก็โดดไปรับงานคุมทีมชาติตูนีเซีย ซึ่งบ้างก็บอกว่า ไมนซ์ ปลดออกไปเองมันจึงถึงเวลาของ เยอร์เก้น คล็อปป์ แบ๊กขวามากประสบการณ์ที่อยู่กับทีมมานานถึง 11 ปี ได้ขึ้นมาคุมทัพตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา คล็อปป์ คุม ไมนซ์ รวมทังสิ้น 270 นัด ต่อด้วยคุม “เสือเหลือง”โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 319 เกม และคุมทีมลิเวอร์พูล รวม 411 เกมในนัดพบกับ เชลซี รวมทั้สิ้น 1,000 เกมพอดิบพอดี ในการทำงานรวมทั้งสิ้น 21 ปี 327 วัน


“ผมได้ทำงานที่ผมรักให้กับสโมสรที่ผมรัก” คล็อปป์ กล่าวในการแถลงข่าวก่อนเกมครบ 1,000 เกม “ผมมีความสุข 100 เปอร์เซ็นต์ นั่นคือสิ่งที่ผมรู้สึก จากใจจริงก็คือ ผมไม่เคยคิดเกี่ยวกับตัวเลขประเภทนี้เลย ผมไม่เคยคิดว่าฉันจะได้รับอนุญาตให้ได้เป็นผู้จัดการทีมได้ยาวนานขนาดนั้นแต่อย่างใด ผมคิด่ามันไปอย่างรวดเร็วจริงๆ คุณต้องทำงานถึง 22 ปี แล้วคุณถึงจะไปถึงที่นั่นได้”


“สัปดาห์นี้มีคนบอกผมว่า เกมที่ 1,000 ของผมกำลังจะเกิดขึ้น พอได้ยินแล้ว ทำให้ผมคิดถึงการเริ่มต้นที่ไมนซ์, การเริ่มต้นที่ดอร์ทมุนด์ และการเริ่มต้นที่นี่ ที่ลิเวอร์พูล… เมื่อคุณเข้ามา คุณไม่มีทางรู้ว่ามันจะดำเนินไปอย่างไร และผมโชคดีจริงๆ กับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น”


“ตัวเลขนี้เป็นตัวเลขที่บ้าบอจริง ๆ ตอนนี้หนวดเคราผมเริ่มหงอกแล้ว! ตอนที่ผมมาถึงที่นี่มันไม่ใช่อย่างนั้น… ผมไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอายุหรือเพราะลิเวอร์พูล กันแน่!”
“การไปถึงสถานที่สำคัญต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก ผมได้อยู่กับ 3 สโมสรที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเปิดโอกาสให้ผมได้ทำงานนี้ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในใจของผม”


เขาคว้าถ้วยรางวัลสำคัญมาแล้ว 9 รายการในเส้นทางอาชีพผู้จัดการทีม ความสำเร็จนั้นรวมถึงแชมป์บุนเดสลีกา 2 สมัยที่ดอร์ทมุนด์ รวมถึงชัยชนะในพรีเมียร์ลีก และแชมเปียนส์ลีกกับลิเวอร์พูล
คล็อปป์ กล่าวว่า เขายังคงดื่มด่ำกับบทบาทนี้ แต่อธิบายถึงความสำคัญของการเรียนรู้จากช่วงเวลาที่ท้าทายที่เขาเคยประสบมา


“ไม่ใช่ทุกเกมใน 1,000 เกมที่ดี และไม่ใช่ทุกช่วงที่ดี แต่ส่วนใหญ่แล้วมันไปในทิศทางที่ถูกต้องเป็นอย่างมาก สิ่งที่คุณเรียนรู้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก คือปัญหาฟุตบอลที่คุณก็ต้องแก้ไขด้วยฟุตบอล ในแต่ละสถานการณ์ของฟุตบอลมันจะมีทางออก มันเป็นอย่างนั้น และผมก็ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน แน่นอนว่าผมใช้เวลา 22 ปี เพื่อเรียนรู้มันอย่างเต็มที่”


คล็อปป์ ยืนยันว่า สำหรับผมแล้ว นี่เป็นงานที่ดีที่สุดในโลก ไม่ใช่งานที่ผ่อนคลาย ไม่ใช่งานที่มีวันหยุดเยอะๆ หรืออะไรก็ตาม แต่ผมรักมัน ผมรู้สึกมีความสุขจริงๆ ที่ทำได้และได้ทำ เพราะมันคือสิ่งเดียวที่ผมทำได้จริงๆ มันจะเป็นชีวิตที่สงบมาก ถ้าหากคุณไม่ได้เป็นหรือไม่ต้องเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอล และผมสบายดีกับความตื่นเต้น ความกดดัน ช่วงเวลาที่โดดเด่น และช่วงเวลาที่มันดีน้อยลง เรื่องนี้มันเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลง


“ไม่มีใครชนะตลอดเวลา ผมรู้ตั้งแต่เนิ่นๆ ดังนั้นฉันจึงไม่คาดหวัง แต่ผมยังคงพยายามทำให้ทีมได้รับชัยชนะให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้”


คล็อปป์ สะท้อนให้ทุกคนได้รับรู้ถึง”มนต์สะกด” เมื่อถูกถามเกี่ยวกับคำแนะนำที่เขาจะให้ตัวเอง หลังจากเริ่มต้นเส้นทางการเป็นโค้ชอย่างเป็นทางการ


“ในการเริ่มต้นที่ไมนซ์ ถ้าเราแพ้อีก 1 เกมจาก 7 เกมนั้น เราคงตกชั้นไปแล้ว แต่เราสามารถเอาชนะได้มากถึง 5 เกม มันจะเป็นตัวเลขที่สุดยอดมากในเวลานั้น เพราะจะไม่มีใครมาจดจำว่า คุณลงไปเล่นในลีกระดับ 3 ซึ่งเทียบเท่ากับ ลีก วัน ที่อังกฤษ แน่นอนที่สุดว่า หากผมต้องตกชั้นในวันนั้นกับ ไมนซ์ อาชีพการเป็นผู้ฝึกสอนของผมมีแนวโน้มสูงอาจจะจบสิ้นไปตั้งแต่ก่อนที่มันจะเริ่มต้นด้วยซ้ำ……โชคดีที่มันไม่เกิดขึ้น”


“มาถึงงานที่ผมมีในวันนี้ มันแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง คำแนะนำจะต้องเปิดกว้าง, ทำงานหนัก, ต้องตั้งข้อสังเกตุ, ต้องรู้จักขี้สงสัยหากมองไปรอบ ๆ และพยายามหาทางออกสำหรับปัญหาที่คุณยังไม่มีในขณะนี้ แต่จะมีในอนาคต”


“สิ่งที่สำคัญที่สุดคืองานยุ่ง เพราะคุณต้องเรียนรู้เกมด้วยการฝึกสอน มันก็เหมือนกับการเล่นกอล์ฟ เมื่อคุณคิดว่าคุณเข้าใจแล้ว เกมก็จะบอกคุณแตกต่างออกไป , คุณต้องพัฒนาอยู่เสมอ และนั่นคือสิ่งที่ผมชอบที่สุดเกี่ยวกับงาน มันไม่น่าเบื่อแม้แต่วินาทีเดียว นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณสามารถพูดได้เกี่ยวกับชีวิตการทำงานของคุณ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมนึกจะทำ”
คล็อปป์ ระบุถึงวิธีการทำงานว่า มันแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงจากเมื่อครั้งเริ่มทำงาน เมื่อ 22 ปีก่อน เพราะโลกได้เปลี่ยนไปจนหมด


“ตอนที่ผมเริ่มเป็นผู้จัดการทีม แน่นอนว่า โลกยังไม่มีสมาร์ทโฟน ข้อมูลต่าง ๆ น้อยลงมาก ผมต้องวิเคราะห์เกมจากดีวีดี เมื่อคุณอยากรู้ความคิดจากโลกภายนอก คุณจะต้องไต่ถามหรืออ่านหนังสือพิมพ์ มันค่อนข้างง่ายต่อการหลีกเลี่ยงคำวิจารณ์ ดังนั้นไม่แปลกที่คนในยุคผมและแม้แต่พวกคุณเอง จะสนใจแต่ความคิดเห็นจากคนที่ใส่ใจในตัวคุณจริงๆ”

“ตอนนี้เราอยู่ในยุคแห่งโซเชียลมีเดียแล้ว โอ้พระเจ้า!!! ความจริงที่เกิดขึ้นก็คือ ทุกคนที่ไม่มีความเชี่ยวชาญล้วนมีความคิดเห็น ลองมองย้อนไปในวันที่คุณเขียนจดหมายถึงหนังสือพิมพ์ รับรองว่า คุณจะไม่ได้รับคำตีพิมพ์จากความคิดเหล่านี้แน่นอน”


“คำแนะนำที่ดีที่สุดจากมุมมองของคนอายุ55 ปีอย่างผม….อย่าสนใจโลกภายนอกให้มาก แต่รู้จักทำงานให้หนัก”
…เส้นทางของมนุษย์คดเคี้ยวเลี้ยวตรง ปีที่เริ่มต้นงานโค้ชของ คล็อปป์ ไม่ได้มีใครสนใจเขาแม้แต่น้อย เพราะ ลิเวอร์พูล กำลังเดินหน้าสู่เส้นทาง “3แชมป์บอลถ้วย” ก่อนจะทำสำเร็จในยุคของ เชราร์ อุลลิเยร์ ผู้ล่วงลับ


ส่วน คล็อปป์ ก็บรรลุงานตัวเองเช่นกัน เมื่อพาทีมกำชัย 6 จาก 7 เกมแรก ก่อนจะนำทีมรอดตกชั้นได้สำเร็จตามเป้าหมาย ด้วยการมีแต้มเหนือทีมตกชั้นแค่ 3 แต้มเท่านั้น


……..ผ่านพ้น 1,000 เกม จากนี้ คล็อปป์ ต้องสู้ต่อไป เพราะเหมือนมีมรสุมใหญ่ ไม่น้อยไปกว่าตอนที่เขาเข้ามา
เพราะ……
ทำไมภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี ทีมถึงไปในแนวดิ่งลง ด้วยฟอร์มที่ตกต่ำขนาดนี้?
ทำไมทีมถึงไปตั้งแคมป์ และทัวร์เอเชียรวดเร็ว ทั้งที่เพิ่งผ่านฤดูกาลที่ยาวนานและเหนื่อยล้า เพราะลงเตะทุกนัดจากทุกรายการที่มีความเป็นไปได้?
เหตุใดกองกลางจึงขาดกำลังเสริม และองค์ประกอบส่วนใหญ่อ่อนแอ และต่ำกว่ามาตรฐานอย่างน่าตกใจ?
ทำไมทีมถึงถูกทิ้งไว้ โดยไม่มีหัวหน้าแพทย์ประจำสโมสรอยู่พักใหญ่?


ทำไมทีมถึงเซ็นเสริมแนวรุกได้ 3 คน ดิอาซ, นูนเญซ และกัคโป ภายใน 12 เดือน แล้วทำไม่ได้เซ็นสัญญามิดฟิลด์?
เหตุใดเราจึงเห็นการออกหนังสือโดยพนักงานจากสโมสรหลายภาคส่วน?


แน่นอนว่ส พวกเขาเขียนเกี่ยวกับความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่และเป็นประวัติการณ์ของพวกเขาราวกับว่า เป็นมนุษย์ยุคไดนาสตี้????
เฮนเดอร์สัน, มิลเนอร์, ผู้ช่วยผู้จัดการทีม และแม้กระทั่งโค้ชผู้รักษาประตู มีกระบวนการอะไรก็ตามแต่ที่น่าสงสัยมากมาน แต่หวังว่า จะไม่มีใครทำลายทุกอย่างด้วยปรัชญาของ คล็อปป์
แม้กระทั่งตัวเขาเอง


ส่วนใหญ่มั่นใจ พร้อมจะอดทนและเชื่อในสิ่งที่ คล็อปป์ กำลังทำ เพราะเขาแก้ไข ลิเวอร์พูล เมื่อเขามาถึง
นาทีนี้เขาจะแก้ไข ลิเวอร์พูล ที่เขาแก้ไขเอาไว้อีกครั้ง…


ด้วยสไตล์การคุมทีมที่เล่นอย่างดุดัน จะเรียกว่า เคาน์เตอร์-เพรสซิ่ง, เกเก้น-เพรสซิ่ง หรือเฮฟวี่ เมทัล ฟุตบอล
ด้วยสไตล์ที่ไม่เหมือนใครที่เปี่ยมไปด้วยสีสันข้างสนามจาก เยอร์เก้น คล็อปป์


นี่คือ “กุนซือสายปั้น” ในตำนานที่มีชีวิต………..

บีแหลมสิงห์™️

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *