6 พฤษภาคม 2024
hilight-หลัก Sport Story

SirKING Kenny:73ปีขุนพลที่ดีที่สุดของลิเวอร์พูล ฟุตบอล คลับ

🔺 HBD เซอร์ เคนนี่ “เดอะ คิง” ดัลกลิช 🔺

ตำนานหมายเลข 7 ที่สะท้านโลกที่สุดของแอนฟิลด์ วันนี้ครบ 73 กะรัต

เป็นทั้งผู้เล่น และผู้จัดการทีม รวมถึงเคยเป็นทั้ง”ผู้เล่น-ผู้จัดการทีม”แบบ “ทู-อิน-วัน”ของ ลิเวอร์พูล ฟุตบอล คลับ

* สมัยเป็นนักเตะตั้งแต่มาแทน เควิน คีแกน เมื่อปี 1977 ครองเจ้ายุโรป 3 สมัย, แชมป์ลีกดิวิชั่น 1 ยุคคลาสสิค 5 สมัย, ลีกคัพ 4 สมัย และซูเปอร์คัพ 1 สมัย

*เป็นผู้เล่น-ผู้จัดการทีมคนแรกที่ได้ดับเบิ้ลแชมป์ทั้ง ดิวิชั่น 1 ยุคคลาสสิค และเอฟเอ คัพ เมื่อปี 1986 ซึ่งเป็นปีแรกที่ได้ทำงาน

•••••••••••••••••••••••

🔥 เป็นคนปั้นทีมยุคทองแห่ง “เครื่องจักรสีแดง” ที่คว้าตัว จอห์น บาร์นส์, ปีเตอร์ เบียร์ดสลี่ย์, จอห์น อัลดริดจ์ และเรย์ เฮาจ์ตัน เข้ามาเสริมทัพ

ออกสตาร์ไร้พ่าย 29 เกมแรกในปี 1987-88 ถูกยกให้เป็น “แซมบ้าซีซั่น”

* เป็นกุนซือตั้งแต่ซีซั่น 1985-86 จนถึงซีซั่น 1990-91 คว้าแชมป์ลีกสูงสุด 3 สมัย และเอฟเอ คัพ 2 สมัย

…….ก่อนจะ”จำใจ”อำลา ด้วยเหตุจากฮิลล์สโบโร่ห์

ไม่แปลกที่เดอะ ค็อป จะเกลียด แทปลอยด์”เดอะ ซัน” และต้านรัฐบาลอังกฤษ ที่ปิดคดีแบบไม่เป็นธรรม

•••••••••••••••••••••••

📌 “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เวอร์ชั่น beginning in the end เกิดขึ้นมื่อ ดัลกลิช ประกาศลาออกจากสโมสรไปเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 1991

เหตุที่ท่านจำเป็นต้องลาทีมนั้น แรกทีเดียว มีข่าวว่า ดัลกลิช แบกรับความกดดันไม่ไหว หรือทิ้งทีมไปในช่วงที่ทีมกำลังอยู่ในช่วงโรยรา

สุดท้ายข้อมูลเชิงลึกต่าง ๆ เปิดขึ้นมาว่า ดัลกลิช ต้องแบกรับความกดดันต่าง ๆ จากเหตุการณ์ฮิลล์สโบโร่ ทั้งการปรึกษากับครอบครัวผู้สูญเสีย ครอบครัวผู้บาดเจ็บ

หนักสุดคือ บางวันต้องไปงานศพบางครั้ง 4 งานภายในวันเดียว!

ยังไม่รวมการคุมทัพลงสนามแข่งขัน มันหนักเกินจะแบกจริงๆ………

•••••••••••••••••••••••

♦️ อีกทั้งการต่อกรกับหนังสือพิมพ์เดอะ ซัน ที่ไม่ยอมลงข่าวขอโทษที่เขียนข่าวว่าเดอะ ค็อป ในเชิงเสีย ๆ หาย ๆ ทั้งที่ “คิง เคนนี่” ได้โทรไปคุยกับ เคลวิน แม็คเคนซี่ บรรณาธิการในตอนนั้น ให้ขอโทษซะที

แต่ถูกเมินเฉย

อีกทั้งหน้าที่หลักก็คือ เกมในสนาม “คิง เคนนี่” ก็ต้องแบกความหวังของแฟนบอลเดอะ ค็อปทั้งโลก เพราะต้องคุมทีมลงแข่งขัน

จึงตัดสินใจหันหลังให้กับทีม

แล้วทีมก็หล่นสู่สะดือทะเล และติดกับดักความสำเร็จของตัวเองมานานแสนนาน

•••••••••••••••••••••••

👏🔥 กระทั่งกลับมาช่วยพยุงทีมที่กำลังย่ำแย่จากการทำงานของ รอย ฮอดจ์สัน

บันทึกวันที่ว่า 8 มกราคม 2011 ซึ่งตรงกับ “วันเด็กแห่งชาติ” ของไทยในปีนั้น จนเกิดกระแสกับคำว่า “The Return of the King Kenny”

1 ปีต่อมา ดัลกลิช พาทีมเป็นแชมป์ลีกคัพ และได้รองแชมป์เอฟเอ คัพ แต่ไม่พอเพียงที่จะอยู่ต่อในตำแหน่งนายใหญ่แห่งแอนฟิลด์ แต่จะอย่างไรก็ตาม

ความเป็นจริงเปลี่ยนไป แต่ความในใจยังเหมือนเดิม หากถามว่าใครคือนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร

ชื่อแรก ๆ ที่คุณคิดออกย่อมมีชื่อของ “ดัลกลิช”!!!

•••••••••••••••••••••••

นี่คือแง่มุมหนึ่งที่นำเสนอกันกับ เคนนี่ ดัลกลิช ที่ท่านอายุครบ 73 ปีในวันนี้………..โดยคัดส่วนหนึ่งมาจากหนังสือ #สตอรี่สีแดง #YNWA ที่เขียนเอาไว้โดยผมเองเมื่อปี 2019

เขาเป็นลูกของ บิลล์ อาชีพวิศกรยานยนต์ น่าแปลกตรงที่บ้านอยู่ใกล้กับสนามฟุตบอลของ กลาสโกว์ เซลติค

แต่ บิลล์ เชียร์ กลาวโกว์ เรนเจอร์ส และ เคนนี่ ก็เชียร์ทีมเดียวกับพ่อ

การย้ายบ้านไปที่มิลตัน กระทั่ง เคนนี่ ดัลกลิช อายุ 15 ปี ย้ายไปอยู่ที่แฟลตย่านโควาน ยิ่งใกล้กับ ไอบร็อกซ์ พาร์ค สนามเหย้าของกลาวโกว์ เรนเจอร์ส ชนิดที่ว่า เปิดหน้าต่างก็เห็นสนามซ้อม

ทุกอย่างทำท่าจะเป็นจริงขึ้นมา เมื่อ เคนนี่ คว้าแชมป์บอลนักเรียนได้สำเร็จ และขึ้นไปติดทีมชาติสก็อตแลนด์ ชุดยู-15

อย่างไรก็ตาม การรอคอยไม่มีทีท่าว่าจะเกิดขึ้น ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่คุณเรียก……กลาสโกว์ เรนเจอร์ส ไม่เคยติดต่อจะเซ็นสัญญากับเขาเลย

ดัลกลิช โชว์ฟอร์มดีกับทีม “สก็อตติช สคูลบอยส์” หรือ Scottish u-15 national team ด้วยการยิง ไอร์แลนด์เหนือ คนเดียว 2 ประตูในเกมที่กำชัย 4-3 แล้วก็มีหนึ่งทีมที่สนใจดึงตัวเขาไปทดสอบฝีเท้า

ไม่ใช่ใครอื่น ลิเวอร์พูล นี่แหล่ะ!!!

บิลล์ แชงคลี่ย์ ปรมาจารณ์ลูกหนังได้รับรายงานจากทีมแมวมอง จึงปฏิบัติการณ์ดึงหนุ่มน้อยดัลกลิช วัย 15 ปี มาฝึกซ้อมกับทีมเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 1966

เขามาพร้อมกับ จอร์จ อดัมส์ มุ่งตรงจากกลาสโกว์ แล้วลงที่สถานีรถไฟไลม์ สตรีท มีโอกาสโชว์ฝีเท้ารวมทั้งสิ้น 10 วันด้วยกัน

ไม่แปลกที่ แชงคลี่ย์ จะประทับใจ

บันทึกเอาไว้ว่า วันที่ 20 สิงหาคม 1966 เป็นวันแรกที่ เคนนี่ ดัลกลิช สวมชุดลิเวอร์พูล ในวันนั้นทีมลิเวอร์พูล ชุด บี ลงสนามเจอกับ เซาธ์พอร์ต เกมจบด้วยสกอร์ 1-0 แม้ว่าเขาจะยิงไม่ได้ แต่ “ท่านแชงค์” ประทับใจเด็กคนนี้ยิ่งนัก

เช่นเดียวกันกับ “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ก็เทียบเชิญให้ไปทดสอบฝีเท้า ในยุคนั้น รอน กรีนวู้ด เป็นผู้จัดการทีม เป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์เช่นเดียวกัน

แต่ในท้ายที่สุด เคนนี่ ดัลกลิช แห่งกลาสโกว์ ยูไนเต็ด ทีมระดับนักเรียน เลือกที่จะไปอยู่กับ กลาสโกว์ เซลติค ในเดือนพฤษภาคม 1967 ด้วยสัญญาชั่วคราว หรือ provisional contract

เหตุผลในการเซ็นสัญญาครั้งนี้ก็คือ ดัลกลิช ไม่ต้องห่างจากบ้านด้วยวัยยังไม่เต็ม 16 ขวบ ยังอาศัยทำงานเป็นช่างไม้เพื่อหาเงิน ซึ่งตอนนั้นเขายังไม่ได้รับเงินเดือนจากเซลติค

แม้จะเป็นแฟนเรนเจอร์ส แต่ถ้าอยู่ เซลติค จะได้รับการโค้ชจากสุดยอดฝีมืออย่าง จ็อค สตีน

อีกทั้ง เซลติค คือเบอร์ 1 ของยุโรป!!! พวกเขาเพิ่งครองแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ ได้สำเร็จ เป็นทีมแรกของสหราชอาณาจักร ในปีเดียวกัน พร้อมทำสถิติเป็นทีมที่มีนักเตะเชื้อชาติเดียวคือ สก็อตแลนด์

หลังจากการเซ็นสัญญา เขาได้ถูกส่งตัวไปร่วมทัพกับ คัมเบอร์นัลด์ ยูไนเต็ด

เพียงแค่นัดแรก เขาซัดคนเดียว 4 ประตู และปิดฤดูกาลแรกกับ คัมเบอร์นัลด์ ด้วยการยิงไปถึง 37 ลูก

เคนนี่ ดัลกลิช ต้องการที่จะเทิร์นโปร แต่ จ๊อค สตีน อยากที่จะให้เขาบ่มฝีเท้ากับ คัมเบอร์นัลด์ ต่อไปอีกสักปี แต่ พ่อของดัลกลิช ได้เข้าไปเคลียร์กับ จ๊อค สตีน ด้วยตัวเอง

สุดท้าย ดัลกลิช ได้อยู่กับ เซลติค ก่อนที่จะประเดิมนัดแรกให้กับ เซลติค เมื่อ 25 กันยายน 1968 โดยถูกเปลี่ยนตัวลงไปในชัยชนะเหนือ แฮมิลตัน 4-2

10 ปีในฐานะนักเตะของเซลติค เขากวาดรางวัลความสำเร็จมากมาย นั่นคือ แชมป์ลีกสก็อตติช 4 สมัย, แชมป์สก็อตติช คัพ 4 สมัย และสก็อตติช ลีกคัพ 1 สมัย ลงเล่นไปทั้งสิ้น 322 นัด ยิงได้ 167 ประตู

ในช่วงเป็นดาวรุ่ง จ็อค สตีน ให้ ดัลกลิช เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ ก่อนจะขยับขึ้นมาเล่นกองหน้า ถือเป็นการเพิ่มทักษะการครองบอล และการไปกับบอลให้ได้พัฒนาขึ้น

ทำให้ เคนนี่ ดัลกลิช เป็นกองหน้าตัวต่ำ ที่อันตรายที่สุดและเก่งกาจที่สุดคนหนึ่งในยุโรป สมัยนั้นเขาอายุได้ 26 ปี

ท้ายที่สุดแล้ว “กฎของแรงดึงดูด” ก็ทำให้ ดัลกลิช กลายมาเป็นตำนานของลิเวอร์พูลจนได้

คู่กันแล้ว…จะแคล้วกันได้ไง!!!

ในกาลต่อมา ดัลกลิช ได้รับเกียรติยศขั้นสูงสุดกับการได้รับการประดับยศให้เป็น “เซอร์” ในปี 2017

เป็น “อัศวินลูกหนัง” คนแรกในประวัติศาสตร์ของแอนฟิลด์

หลายคนบอกว่า ควรค่า และหลายคนบอกว่า ควรที่จะได้นานแล้ว

ทำไม……ทำไมถึงคิดแบบนั้น

เปิดสถิติ เปิดบันทึกตัวเลข คือสิ่งที่ไม่เคยโกหกใคร นับจาก “คิง เคนนี่” ย้ายจาก “ม้าลายเขียวขาว” กลาสโกว เซลติค มาร่วมทัพ “หงส์แดง” ในช่วงฤดูร้อน ปี 1977 ด้วยสนนราคา 440,000 ปอนด์

ถือว่าคุ้มค่าทุกเพนนี

ดัลกลิช มาเพื่อทดแทนการขาดหายไปของ “ไมห์ตี้ เมาส์” เควิน คีแกน ตำนานหมายเลข 7 ที่ขอย้ายไปหาความท้าทายใหม่ที่ “สิงห์เหนือ” ฮัมบูร์ก ในเยอรมนี

จากนั้นมาถึงยุคของ ดัลกลิช ที่ประสบความสำเร็จล้นหลาม

📚🖋🗓 เปิดบันทึกตัวเลข “คิง เคนนี่” ย้ายจาก กลาสโกว เซลติค มาร่วมทัพ “หงส์แดง” ในช่วงฤดูร้อน ปี 1977 ค่าตัว 440,000 ปอนด์ เพื่อมาทดแทนการขาดหายไปของ “ไมห์ตี้ เมาส์” เควิน คีแกน ที่ย้ายไปฮัมบูร์ก

⚽️ สมัยเป็นนักเตะด้วยการเป็นแชมป์ลีกสูงสุด 5 สมัย, ยูโรเปี้ยนคัพ 3 สมัย, ซูเปอร์คัพ 1 สมัย, แชริตี้ชิลด์ 4 สมัย, ลีกคัพ 4 สมัย ก่อนจะรับงานเป็นผู้เล่น-ผู้จัดการทีม ปี 1986 ได้แชมป์แชริตี้ชิลด์ จากนั้นพาทีมเป็นดับเบิ้ลแชมป์ในปีแรกของการทำงานด้วยเป็นแชมป์ลีกสูงสุด และเอฟเอ คัพ

🔺 จากนั้นเป็นกุนซือก็พาทีมเป็นแชมป์ลีกอีก 2 สมัย, เอฟเอ คัพ อีก 2 สมัย และแชร์ริตี้ชิลด์ อีก 3 สมัย ก่อนอำลาทีมในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1991

ก่อนจะกลับมารับงานอีกครั้งในเดือนมกราคมปี 2011 และพาทีมได้แชมป์ลีกคัพ ปี 2012 🏆

🏅 รวมลงเล่นให้ทีม 515 นัด ยิงได้ 172 ประตู และคุมทีม 381 นัด ชนะ 223 เสมอ 94 แพ้ 64 ยิงได้ 732 เสีย 332 คิดเป็นเปอร์เซ็นต์เฉลี่ยชนะ 58.53

ดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ตลอดกาลของสโมสรอีกด้วย

🏟 สำคัญสุด ๆ ก็คือ สโมสรร่วมสร้างประวัติศาสตร์เปลี่ยนชื่ออัฒจันทร์จากเดิม “เซนเทนเนรี่ สแตนด์” กลายมาเป็น “เคนนี่ ดัลกลิช สแตนด์” เมื่อ 14 ตุลาคม 2017 และมาเป็นชื่อของ “เซอร์เคนนี่ ดัลกลิช สแตนด์” ในปัจจุบัน

เพื่อเป็นเกียรติให้กับ “คิง เคนนี่” เคนนี่ ดัลกลิช ยอดนักเตะ-กุนซือในตำนานของสโมสร ไปอีกนานเท่านาน…….

บี แหลมสิงห์®️

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *