อังกฤษ มีนัดกับ สก็อตแลนด์ มาดวลแข้งฉลอง 150 ปีที่ปะทะหน้าแข้งกัน เป็น “คู่แรกของโลกฟุตบอล” คืนนี้ที่กลาสโกว

อยากจิบอกว่า “เสื้อสวยมากกกกกกกกกกกกกกกก”!!!!!!

…..ทั้งสองทีมพบกันครั้งแรก “อย่างเป็นทางการ” เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 1872 หลังจากตกลงกันได้ จึงนัดกันมาเตะตรงกับ “วันเซนต์แอนดรูว์”

ซึ่งเป็นวันชาติของชาวตาร์ตัน

เกมดวลแข้งคราครั้งดังกล่าว มีขึ้นที่ “แฮมิลตัน เครสเซนต์” ของสโมสร เวสต์ ออฟ สก็อตแลนด์ คริกเก็ต คลับ ที่แพทริค กรุงกลาสโกว์ ประเทศสก็อตแลนด์

ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกันกับภาพปรากฎ แฮร์รี่ เคน กัปตันทีมชาติอังกฤษ ชักภาพร่วมกับ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน กะปิตันสก็อตแลนด์…..

โค ตะ ระ แคลส สิก

……..ก่อนหน้านั้น ทั้งสองทีมต่างเคยดวลแข้งกันแล้วถึง 5 เกม แต่กลับไม่มีการ “ยอมรับ”

ตั้งแต่ปี 1870-1872 อังกฤษ เคยนัดกับ สก็อตแลนด์ 5 นัด โดยเกมแรกในวันที่ 5 มีนาคม 1870 ภายใต้การริเริ่มของ ชาร์ลส์ วิลเลี่ยม “ซี.ดับบลิว.”อัลค็อก บุรุษหนุ่มชาวซันเดอร์แลนด์

อัลค็อก เป็นทั้งนักกีฬา ผู้บริหาร นักเขียน และบรรณาธิการชาวอังกฤษ เป็นผู้หลักแหลมในแนวคิดที่ริเริ่มหลักการพัฒนาทั้งฟุตบอลและคริกเก็ตระดับนานาชาติ ตลอดจนเป็นผู้คิดริเริ่มและรังสรรค์ฟุตบอล “เอฟเอ คัพ”

ผลการเตะนัดแรกเสมอกัน 1-1 ซึ่ง อัลค็อก เป็นกัปตันทีมในเกมนั้น ซึ่ง อังกฤษ เองแทบจะวางวายไล่ตีเสมอในนาทีที่ 89 จาก อัลเฟรด บาเกอร์

ทั้งสองทีมเตะกันต่อมาอีก 4 นัด รวมเป็น 5 เกม อังกฤษ ชนะ 3 เสมอ 2 ซึ่งทุกเกมเตะที่สนาม “ดิ โอแวล” มหานครลอนดอน

นัดที่ 1 เสมอ 1-1
นัดที่ 2 อังกฤษ ชนะ 1-0
นัดที่ 3 เสมอ 1-1
นัดที่ 4 อังกฤษ ชนะ 2-1
นัดที่ 5 อังกฤษ ชนะ 1-0

อย่างไรก็ตาม พวกสก็อตติชไม่นับผลการแข่งขันที่ออกมา ก็เพราะสืบเนื่องมาจากมีนักเตะสก็อตฯรังนกแท้ๆ เพียงคนเดียวเท่านั้น!!

ผลการดวลแข้งนัดแรกอย่างเป็นทางการ เสมอ 0-0

มีผู้ชมเป็นสักขีพยาน 4,000 คน

11 นักเตะของสก็อตแลนด์ คัดเลือกมาจากทีมควีนส์พาร์ค ซึ่งเป็นทีมจ่าฝูงของลีกวิสกี้ ในเวลลานั้น พร้อมกับให้ โรเบิร์ต การ์ดเนอร์ ผู้รักษาประตูรับบทเป็นกัปตันทีมด้วย ซึ่งพวกเขาอยู่ในชุดสีน้ำเงินเข้ม หรือ Dark Blue

พร้อมกับมี โรเบิร์ต กับ เจมส์ สมิธ เป็นคู่พี่น้องลงสนามคู่แรกของโลก ในเกมแรกระดับชาติของโลกอีกด้วย

ขณะที่ อังกฤษ มาในชุดสีขาว มีผู้เล่นมาจากหลายสโมสรทั้ง เฮิร์ดฟอร์ดเชียร์ เรนเจอร์ส, น็อตต์ส เคาน์ตี้, แฮร์โรว เชเคอร์ส, ซัวรี่ย์ ริฟล์ส, เชฟฟิลด์ เวนสเดย์, คริสตัล พาเลซ, บาร์เนส, มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์

โดยมีนักเตะตัวหลักมาจาก มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด 2 คน หนึ่งในนั้นคือ คูธเบิร์ต อ็อตตาเวย์ เป็นกัปตันทีม

ส่วนผู้ตัดสินคือ วิลเลี่ยม เคย์ จากสก็อตแลนด์

……..ปฐมบทจากแมทช์นั้น จนถึงก่อนเกมค่ำคืนนี้ ทั้งสองฝ่ายเจอะเจอกันมาตลอดกาล 115 นัด อังกฤษ เหนือกว่าด้วยการชนะ 48 สก็อตแลนด์ ชนะ 41 และเสมอกัน 26

ความสัมพันธ์ค่อนข้างซับซ้อนของสหราชอาณาจักร มักจะมี “คำถาม” มากกว่า “คำตอบ” ลึกๆ แล้วไม่ว่าใครในเกาะ จะมองคนอังกฤษเป็นผู้รุกรานมาโดยตลอด รวมถึงเรื่องของความแปลกแยกเหลื่อมล้ำของชนชั้น หรือการเข้ามาทำงานก็จะทำงานที่คนอังกฤษไม่ทำ

เส้นทางประวัติศาสตร์ของทั้งสองชาตินี้ แม้จะอยู่ภายใต้ “ธงเดียวกัน” แต่ก็ยังเสมือนกับมีคลื่นใต้น้ำอยู่ตลอดเวลา เป็นไม้เบื้อไม้เมา กระทบกระทั่งไปเรื่อยยิ่งกว่าลิ้นกับฟัน

แต่ถามว่าอยู่กันได้มั๊ย….อืม คำตอบก็คือ ได้นะ

เพราะโหวตให้ออก พวกสก็อตบอกอยู่แล้ว อยู่ต่อจะดีกว่า

แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มีโอกาส ได้หักหน้าชาวอิงเก้อลันด์ เมื่อไหร่

พวกเขาก็มักจะพร้อมใจกันทุกครั้งเชียว!!!

บีแหลมสิงห์

ป.ล.คำว่า “สก็อต” ใช้กันแพร่หลายตัวอย่างคือ “ตำรวจสก็อตแลนด์ยาร์ด” แต่เป็นของอังกฤษ

หน่วยนี้ขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 1829 สำนักงานใหญ่แรกเริ่มเดิมทีอยู่ถนนย่านเวสต์มินสเตอร์ ชื่อว่า “เกรต สก็อตแลนด์ ยาร์ด” (Great Scotland Yard) คนจึงเรียกติดปากไป จนเข้าใจกันว่า มาจากสก็อตแลนด์ ทั้งที่จริงแล้วอยู่ในลอนดอน นี่แหละ

หลายอย่างเกิดขึ้นที่นี่ “สก็อตวิสกี้” ก็ชัดเจนสุด ๆ แต่ผมไม่แน่ใจว่า สก็อตไบรท์ เกิดที่นี่หรือเปล่านะ

แต่ที่แน่ ๆ “สก็อตเทป” เกิดที่มินเนโซต้า อเมริกา 555+