หนนั้นบนวัยเบญจเพศ ถือเป็น”ครั้งแรก”หลายอย่างของผม และเปลี่ยนทุกสิ่งอย่างไปตลอดกาล……..
1.เดินทางไปต่างประเทศครั้งแรก
2.ทำข่าวนอกประเทศครั้งแรก
3.สมัครอีเมล์ครั้งแรก
เหตุเกิดในช่วงเวลานี้ 22 ปีมาแล้ว
เมื่อก่อน…..กีฬาซีเกมส์จะสร้างความตื่นเต้นให้กับคนไทยในยุค 0.4 อย่างมาก แต่มาในยุคปัจจุบันแม้จะบอกว่า คนไทยมาถึงยุค 4.0
ทั้งที่จริงก็น่าจะแค่ 0.4 เหมือนเดิมนี่แหละ
แต่หลายคนนักเริ่มจะ”ระอา”กับซีเกมส์
โดยเฉพาะในเรื่องที่เจ้าภาพทุกครั้ง ไม่ต้องการเล่นกีฬาเพื่อความเป็นเลิศ แต่ต้องการทำทุกอย่างให้ได้มาซึ่งชัยชนะ
อันนี้ถือเป็นการทำผิดวัตถุประสงค์ของผู้คิดและริเริ่มอย่างสิ้นเชิง
แต่เอาล่ะ ยังไงซะเมื่อการแข่งขันกำลังจะมาถึง ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก ช่วยกันเชียร์นักกีฬาไทยต่อไปจะดีกว่า
แม้จะโดนอำเละว่า นี่คือ “กีฬาสีอาเซียน” ก็ตามที
ย้อนกลับไปเมื่อ ปี 2001 มาเลเซีย เป็นเจ้าภาพซีเกมส์ ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 8-17 กันยายน
นับเวลาได้พอดีก็คือ 19 ปีพอดิบพอดี
ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมได้เดินทางออกจากแผ่นดินแม่ไปยังต่างประเทศ และเดินทางไปกับทัพสอยคิวไทย ในยุคที่มี “บิ๊กสิน” สินธุ พูนศิริวงศ์ เป็นนายกสมาคมฯ และ “บิ๊กแน็ต” ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ เป็นผู้จัดการทีม
ครั้งนั้นเกิดเหตุการณ์มากมาย เป็นที่น่าจดจำทั้งในทางที่ดีและเป็นไปในทางตรงกันข้าม
ผม กับ “หน่อย ปากน้ำ” กิตติพงษ์ พรชัย และ”นัท แปดริ้ว” นิธิวรรธก์ กาญจนศรี เป็นเพียง 3 คนในทริปที่ไม่เคยขึ้นเครื่องบิน
โรงแรมที่พักของชาวสอยคิวถือว่าไกลกับสถานที่แข่งพอสมควร เพราะที่เจ้าภาพจัดไว้มีเหตุผล เนื่องจากติดกับโรงแรมเป็นคลับของสนุกเกอร์ ซึ่งทุกชาติจะไปเจอกันเพื่อซ้อมที่นั่น
ผมพักกับ “ พี่ตุ้ม ระเบิดขวด” วิศิษฏ์ แสงเมือง ช่างภาพคู่ใจจากหนังสือพิมพ์แนวหน้า แทบจะตามติดทำข่าวทีมสอยคิวไทยแบบเกาะติดทุกสถานการณ์
กระทั่งได้เจอเรื่องช็อคอย่างที่สุดในครั้งแรกที่อยู่”นอกบ้าน”
ในวันที่ 11 กันยายน 2001
เราอยู่กันในเพรส เซ็นเตอร์ จู่ ๆ ก็จอโทรทัศน์ที่รายงานผลการแข่งขันแต่ละสนาม ก็ปรับไปเป็นภาพ “ตึกแฝด” ในมหานครนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา มีกลุ่มควันหนาแน่น
พร้อมกับคำบรรยายด้านล่างว่า “US Under Attack”
จากใจของผมก็คือ นึกว่าเป็นภาพยนตร์ แต่ก็คิดอยู่ในใจว่า ทำไมทำได้เหมือนจริงขนาดนี้
แล้วถ้าเป็นหนัง จะมาฉายในเพคสทำไม?!?!?
กระทั่งทราบข่าวว่า มีการก่อการร้ายหลายพื้นที่ในอเมริกา
มีการไล่ถล่มในแผ่นดินแห่ง”เสรีภาพ”
เป็นการโจมตีแบบพลีชีพทางอากาศของผู้ก่อการร้ายกลุ่มใหม่ที่เรียกตัวเองว่า “กลุ่มอัลกออิดะฮ์” จำนวนทั้งหมด 19 คน
เป็นเรื่องสะเทือนขวัญอย่างที่สุด และสหรัฐอเมริกา ประเมินความเสียหายออกมาที่ตัวเลข “109 ล้านล้านบาท”
ย้ำว่า “109ล้าน-ล้าน-บาท”!!!
จากนั้นการดูแลซีเกมส์ จึงยกระดับความเข้มข้นขึ้น ยกระดับการป้องกันมากยิ่งขึ้น
อันเนื่องมาจากที่มาเลเซีย ก็มี “ตึกแฝด” อยู่ด้วยเหมือนกัน
ตึกแฝดมีการตรึงกำลังไม่ให้เข้าใกล้ ทำให้เราไม่มีโอกาสไปถ่ายภาพเลย
เนื่องจากการป้องกันขั้นสูงสุด
เหตุการณ์นั้นคือ “วินาศกรรม 9-11” ได้เปลี่ยนแปลงโฉมหน้าหลายสิ่งบนโลกใบนี้อย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะในการแข่งขันกีฬาสำคัญ ๆ จะต้องมีการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่
ทำให้หลายประเทศต้องล่มจมจากการจัดแข่งขันกีฬาในฐานะเจ้าภาพ
ประเทศกรีซ คืออาทิ…………..
….จากวันนั้นถึงวันนี้ เหตุวินาศกรรมที่โลกจดจำปแสนนาน ครบรอบ 22 ปีในวันนี้
11 กันยายน 2001 หรือ 9/11 ในวันที่ไม่มีใครคาดคิด หรือล่วงรู้มาก่อนเลยว่า….หายนะกำลังมาเยือน
ว่ากันว่า นี่คือการก่อการร้ายที่สร้างความเสียหายครั้งใหญ่หลวงครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์โลก
-สหรัฐ แดนแห่งเสรี ถูกโจมตีถึง 4 เป้าหมาย ที่มหานครนิวยอร์ก และกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
-ผู้ก่อการร้าย จี้เครื่องบินโดยสาร 4 ลำ เพื่อพุ่งเข้าชนเป้าหมายแบบ”พลีชีพ”
-เครื่องบิน 2 ลำ พุ่งเข้าชนตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ หรือ ตึกแฝด ยังผลให้อาคารถล่มลงภายในเวลา 2 ชั่วโมง เสียหายยับเยิน
-เครื่องบินลำที่ 3 พุ่งชนที่ทำการกระทรวงกลาโหม หรือ เพนตากอน ในรัฐเวอร์จิเนีย
-เครื่องบินลำที่ 4 เป้าหมายคือพุ่งชนอาคารรัฐสภา กรุงวอชิงตัน แต่ผู้โดยสารได้ต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายทำให้เครื่องบินตกลงในทุ่งที่รัฐเพนซิลเวเนีย ก่อนถึงเป้าหมาย
-มีผู้เสียชีวิตเกือบ 3,000 คน และไม่มีผู้รอดชีวิตจากเครื่องบินทั้ง 4 ลำแม้แต่คนเดียว….
-สหรัฐก็ทำการสืบสวน จึงรู้ว่า หัวหน้าใหญ่ของการปฏิบัติการนี้คือนายโอซามา บิน ลาเดน เศรษฐีชาวซาอุดีอาระเบีย คู่แค้นจากสงครามอ่าวเปอร์เซีย ผู้ลี้ภัยไปอยู่อัฟกานิสถาน
มีใช้ผู้ก่อการร้าย 19 คนซึ่งเป็นชาวซาอุฯถึง 15 คน ส่วนที่เหลืออีก 4 คนมาจากประเทศอาหรับ
-จอร์จ ดับเบิลยู บุช จูเนียร์ ผู้นำสหรัฐในเวลานั้น ได้ลั่นวาทะแห่งประวัติศาสตร์ ใจความว่า “ทุกประเทศในทุกภูมิภาคของโลกจะต้องตัดสินใจแล้วว่า จะเลือกอยู่ฝ่ายสหรัฐฯ หรือเลือกกลุ่มผู้ก่อการร้าย”
-สหรัฐ ได้ติดต่อขอตัว บิน ลาเดน จากกลุ่มตาลิบัน แต่ไม่มีการส่งตัวแต่อย่างใด ทำให้ สหรัฐ จึงทำสงครามในอัฟกานิสถาน ที่ยืดเยื้อมายาวนานกระทั่งเพิ่งถอนกำลังไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
-สหรัฐ ใช้เวลา 10 ปี ก่อนจะปลิดชีพ บิน ลาเดน ลงได้สำเร็จ ด้วยชุดปฏิบัติการพิเศษของกองทัพเรือสหรัฐ ที่เมืองแอบบอตทาบัด อยู่ทางตอนเหนือของปากีสถาน เมื่อ 2 พฤษภาคม 2011
-เมื่อปี 2017 แม่ของบิน ลาเดน เปิดเผยว่า ลูกชายถูกล้างสมอง และทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในพวกลัทธิชาตินิยมแบบสุดโต่ง และครั้งสุดท้ายที่ได้เจอลูกชายคนนี้คือ ปี 1999
ผลลัพธ์ที่น่ากลัวจากวันนั้น…. โลกไม่ได้ปกติจากที่เคยเป็น
วันแสนเศร้าของชาวโลกจริง ๆ…..