เบี้องต้นตอนนี้มีเข้าทีมที่ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายมาแล้ว 9 ทีมรวมเจ้าภาพเยอรมัน
⭕กลุ่ม เอ
“กระทิงดุ” สเปน ของหลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ ล้างตาเปิดบ้านเอาชนะ “ตาร์ตัน” สกอตแลนด์ ได้สำเร็จ 2-0 และยังบุกไปเฉือน นอร์เวย์ ได้ 1-0 จากประตูชัยของ กาบี้ ทำให้ ทั้ง สเปน และสกอตแลนด์ มี 15 คะแนนเท่ากัน เหลือโปรแกรมลงเล่นอีก 2 นัด ทิ้งห่าง นอร์เวย์ อันดับ 3 ที่แข่งมากกว่าพวกเขา 1 เกม อยู่ 5 คะแนน
เป็นอันว่าไล่ตามไม่ทันแล้ว ได้ 2 ทีมที่ผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อย สกอตแลนด์ ผ่านเข้ารอบสุดท้ายรายการระดับเมเจอร์สองหนติด ต่อจากยูโร 2020 ที่พวกเขามีส่วนในการเป็นเจ้าภาพร่วม
⭕กลุ่ม บี
“ตราไก่” ฝรั่งเศส รองแชมป์โลกสมัยล่าสุดฟอร์มร้อนแรงบุกเฉือน “อัศวินสีส้ม” เนเธอร์แลนด์ 2-1 จากการเหมาสองประตูของ “ประธานเป้” คีลิยัน เอ็มบาปเป้ ทำให้พวกเขาชนะ 6 เกมรวดมี 18 คะแนนเต็ม การันตีการผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ขณะที่ เนเธอร์แลนด์ บุกไปเก็บ 3 แต้มสำคัญด้วยการเฉือน “เทพนิยาย” กรีซ 1-0 จากจุดโทษของ เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค ในช่วงทดเจ็บ ทั้งสองทีมมี 12 แต้มเท่ากัน แต่ กรีซ แข่งมากกว่า แถมนัดสุดท้ายต้องเฝ้ารังเจอกับฝรั่งเศส ส่วน เนเธอร์แลนด์ งานเบากว่าเยอะเฝ้ารังดวล ไอร์แลนด์ และไปเยือน ยิบรอลตาร์
⭕กลุ่ม ซี
“สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ ทีมขวัญใจมหาชน ผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายได้สำเร็จ หลังเปิด เวมบลีย์ รีแมคช์ล้างตาพลิกถล่มอิตาลี 3-1 จากสองประตูของ แฮร์รี่ เคน พวกเขามี 16 คะแนน จากการชนะ 5 เสมอ 1 เหลือโปรแกรมลงเล่นอีก 2 นัด กับ มอลต้า และนอร์ธ มาซิโดเนีย
ที่ยังต้องลุ้นเข้ารอบกันอยู่คือ อิตาลี และยูเครน สถานการณ์ในตอนนี้ ยูเครน มี 13 คะแนน แต่ลงเล่นไปแล้ว 7 นัด ส่วน อิตาลี มี 10 แต้ม เหลือโปรแกรมในมืออีก 2 เกม อิตาลี จะได้เล่นในบ้านพบกับ นอร์ธ มาซิโดเนีย และไปตัดสินเข้ารอบในนัดสุดท้ายด้วยการไปเยือนยูเครนในเดือนหน้า
⭕กลุ่ม ดี
“ไก่งวง” ตุรกี ที่เปลี่ยนโค้ชกลางครันได้ วินเซนโซ่ มอนเตลล่า อดีตหัวหอกจ้าวเวหาชาวอิตาเลี่ยน เข้ามาคุมทีม การันตีการผ่านเข้ารอบสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังบุกไปเฉือน “ตราหมากรุก” โครเอเชีย 1-0 ตามด้วยการเปิดบ้านถล่ม ลัตเวีย 4-0 ทำให้พวกเขามี 16 คะแนนจากการลงเล่น 7 เกม เหลือโปรแกรมลงเล่นอีก 1 เกม
ที่ยังต้องลุ้นเข้ารอบมีอีก 3 ทีม คือ เวลส์ ที่มี 10 คะแนนเท่ากับ โครเอเชีย อีกทีมคือ อาร์เมเนีย ที่มีอยู่ 7 แต้ม โดยทั้ง 3 ทีมเหลือโปรแกรมลงเล่นอีก 2 นัด ตัดกันโดยตรงคือ เวลส์ จะออกไปเยือน อาร์เมเนีย ตามด้วยการเฝ้ารังเจอกับตุรกี ส่วน โครเอเชีย เยือนลัตเวีย และเฝ้ารังเจออาร์เมเนีย
⭕กลุ่ม อี
สำหรับกลุ่มนี้ยังไม่มีทีมไหนการันตีการเข้ารอบสุดท้าย จ่าฝูงคือ แอลเบเนีย ที่คุมทัพโดย ซิลวินโญ่ อดีตแบ็คซ้ายทีมชาติบราซิล ของบาร์เซโลน่า และแมนฯซิตี้ ตอนนี้มี 13 คะแนน จากการลงเล่น 6 เกม ตามมาด้วย สาธารณรัฐเช็ก 11 คะแนน, โปแลนด์ 10 คะแนน และมอลโดว่า 9 คะแนน
เรียกได้ว่ามีลุ้นกันถึง 4 ทีม ในช่วงเดือนหน้า แต่ โปแลนด์ เสียเปรียบสุด เพราะเหลือโปรแกรมอีก 1 เกม ขณะที่ทีมอื่น ๆ มีโปรแกรมในมือ 2 นัด
⭕กลุ่ม เอฟ
ได้สองทีมที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คือ เบลเยี่ยม และออสเตรีย เพราะมี 16 คะแนนเท่ากัน ทิ้งห่างอันดับ 3 อย่าง สวีเดน ถึง 10 แต้ม
แต่ก็เกิดเรื่องน่าเศร้าในกลุ่มนี้ในเกมที่ เบลเยี่ยม พบกับ สวีเดน มีแฟนบอลของ “ไวกิ้ง” ถูกฆาตกรรมในเมืองบรัสเซลส์ จนทำให้เกมต้องยกเลิกไป
⭕กลุ่ม จี
สำหรับกลุ่มนี้ยังไม่มีทีมการันตีการเข้ารอบ ฮังการี ย้ำชัยเอาชนะ เซอร์เบีย แต่พวกเขาเกือบพลาดท่าต้องไปไล่ตามตีเสมอ ลิธัวเนีย ทำให้ตอนนี้ยังเป็นจ่าฝูงมี 14 คะแนน จากการลงเล่น 6 นัด สถานการณ์ได้เปรียบ เซอร์เบีย ที่มี 13 คะแนน แต่แข่งมากกว่าพวกเขา 1 เกม
ที่แอบมีลุ้นเล็ก ๆ คือ มอนเตเนโกร แต่คงยากเพราะตามอันดับ 2 อยู่ 5 แต้ม คือต้องชนะหมดใน 2 เกมที่เหลือ และไปลุ้นให้เซอร์เบีย ไม่ชนะเกมสุดท้ายที่จะเล่นในบ้านพบ บัลแกเรีย
⭕กลุ่ม เอช
ไม่น่าเชื่อว่ากลุ่มที่ถูกมองว่าจะเป็น “กรุ๊ป ออฟ อู๊ด” ดันลุ้นสนุกจนถึงเดือนสุดท้าย เพราะยังไม่มีทีมการันตีการเข้ารอบ แม้ว่า สโลวีเนีย และเดนมาร์ก จะมี 19 คะแนนเท่ากัน ก็ตาม
แต่ยังมี คาซัคสถาน ที่จะเป็นตัวสอดแทรก มี 15 แต้ม โดยทั้ง 3 ทีมนี้เหลือโปรแกรมลงเล่นอีก 2 เกม เดนมาร์ก และสโลวีเนีย ต้องตัดกันเองด้วยในเดือนหน้า
⭕กลุ่ม ไอ
ยังไม่มีทีมการันตีการผ่านเข้ารอบ แม้ว่าจ่าฝูงอย่าง “ผีดิบ” โรมาเนีย จะมี 16 คะแนน แต่ดันแข่งมากกว่าชาวบ้านเขา เตะไปแล้ว 8 นัด เหลือโปรแกรมอีก 2 เกม ส่วน สวิตเซอร์แลนด์ มี 15 แต้ม ตามด้วย อิสราเอล มี 11 แต้ม ทั้งสองทีมหลังมีเกมในมือมากกว่าเหลืออีก 3 นัด
เพราะเกมที่ทั้งสองทีมต้องพบกันในเดือนนี้ถูกเลื่อนออกไป เนื่องจากอิสราเอลกำลังประสบกับภาวะสงครามกับปาเลสไตน์ ต้องไปวัดกันในเดือนพฤศจิกายน
⭕กลุ่ม เจ
“ฝอยทอง” โปรตุเกส ของโรแบร์โต้ มาร์ติเนซ การันตีการผ่านเข้ารอบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังฟอร์มดุสุด ๆ ชนะ 8 เกมรวด มี 24 คะแนน ถล่มประตูคู่แข่งไป 32 ลูก เสียแค่ 2 ที่ยังต้องลุ้นในช่วงเดือนสุดท้ายคือ สโลวะเกีย มี 16 แต้ม, ลักเซมเบิร์ก มี 11 แต้ม และไอซ์แลนด์ มี 10 แต้ม
ซึ่งทุกทีมในกลุ่มนี้เตะไป 8 นัดเท่านั้น ดังนั้นจะเหลือโปรแกรมให้เล่นอีกทีมละ 2 เกม