7 พฤษภาคม 2024
hilight-หลัก Story

ตามหงส์ลงสนาม : เกมแรกที่ยังไม่พร้อม

สองทีมขาใหญ่แห่งวงการบอลอังกฤษ ที่หลับสนิทเมื่อฤดูกาลที่แล้วออกสตาร์ทด้วยกันก่อนจะจบเกมด้วยผลที่สมควรที่สุดนั่นคือเสมอ

เชลซี 1-1 ลิเวอร์พูล…แบ่งแต้มไปตามสเป็ค

ฝั่งหนึ่งก็ของเยอะ อีกฝั่งจำกัดจำเขี่ย แต่เหมือนกันโดยบังเอิญ ตรงที่ขาดจุดเดียวที่เหมือนกัน

ไม่มี “น้ำเปล่า” ตอนกินข้าวเสร็จใหม่ ๆ

เกมออนตอนเริ่ม เมื่อเราได้เห็น จอห์น เฮนรี่ ควงศรีภริยา เจ๊ว์ใหญ่ลืนดา ใส่ชุดเก่งแดงแจ๋ มาที่มหานครลอนดอน

ลิเวอร์พูล จัดทัพใส่รุก 4 คน แน่นอนคือสูตรจากนัดปรีซีซั่นเกมท้าย

โดคี้ กัคโป ถอนยืนต่ำเป็นดุจ บ็อกซ์ฯซ้าย เพื่อโอเวอร์โหลด และให้ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ปักตรงกลาง และ โดมินิค โซโบสไล ลุยสู้สูตรใหม่

เชลซี ในยุคประเดิมเริ่มต้น “ไม่เสี่ยง “ กับวันแรกในบ้าน เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เลือกเพลย์เซฟ

เล่น3CB เน้นตั้นกลางแน่น ๆ

ศึกนี้ นอกจากชิงกองกลางในตลาดกันแล้ว เกมนี้จะต้องชิงพื้นที่แดนกลางเต็มตีนเตี่ย!!!

….แล้วมันก็ชัดมาก ตลอดทั้ง 90 นาทีจากเกมแรกไม่แปลกใจ

ทำไมทั้งสองทีมจึงสอยกันยับนอกสนาม

แสดงให้เห็นว่า “ทำไม” ลิเวอร์พูล กับ เชลซี ต้องแย่ง มอยเซส ไคเซโด้

เกมการป้องกันกองกลางที่ผิดพลาดของทั้งสองทีม

มันค่อนข้างบอด บอลเร็วแต่รั่ว

ลิเวอร์พูล เริ่มเกมดีกว่าชัดเจน และอาศัยจังหวะ เชลซี กำลังจะเซ็ตระบบใหม่ ได้ประตูนำ

แต่ เชลซี ปรับกลาง บีบพื้นที่จากยืน “3หงาย” มาเป็น “เดือยคู่”

บอล 3-4-2-1 ชุควูเมก้า กับ สเตอร์ลิ่ง บีบเจ้ามาทำให้ กัคโป เจอปัญหา ก่อนจะตีเสมอในจังหวะที่พวกเขาอาศัยจังหวะได้ดีจากลูกที่มีสมาธิบอลสอง

วิธีแก้กินแดนกลางของ เชลซี ก็คือ การใช้ เอ็นโซ่ ขยับมายืนสูงทางด้านขวาในจังหวะเกมบุก ถือว่าได้รับการปรับแต่งอย่างน่าสนใจจาก โปเช็ตติโน่

เล่นงานฝั่งบ็อก ทู บ็อกซ์ ซ้ายของลิเวอร์พูล นั่นคือ กัคโป ทำให้ต้องใช้พละกำลังดิ้นรนในการป้องกันจากฝั่งนั้น มากกว่าสมาธิเกมรุก

เอ็นโซ ขึ้นมาทำให้ ราฮีม สเตอร์ลิงและ รีซ เจมส์ เล่นงานโรเบิร์ตสันแบบ 2 ต่อ 1 อยู่ตลอดเวลา

น่าสนใจก็คือ ลิเวอร์พูล ได้เข้าสู่เกมแรกของฤดูกาล ด้วยความไม่พร้อม

ผู้เล่นในตำแหน่งที่สำคัญที่สุด 2 ตำแหน่งในระบบที่เล่นอยู่มีปัญหาจริง

กลางรับ กับ หลังซ้าย

แม็ค อัลลิสเตอร์ ทำได้ดีแต่ไม่ใช่ในเรื่องคุมพื้นที่ เขาไม่ได้เล่นจุดที่ถนัดที่สุด ส่วน โรเบิร์ตสัน มีปัญหาการกลับคืนสู่ตำแหน่ง

มาดูกันต่อกับสมดุลย์เกมด้านซ้าย

ลิเวอร์พูล ไม่มีมานานแล้ว

หนึ่งในรากฐานที่สำคัญของความสำเร็จของลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์

นั่นคือ “บอลสามเหลี่ยมด้านซ้าย” ระหว่าง ร็อบโบ้, ไวจ์นัลดุม และมาเน่

ทั้งหมดให้การควบคุมในพื้นที่ทั้ง 3 ส่วนของสนาม

สถิติน่าประหลาดใจจบไป นั่นคือ เป็นครั้งแรกในอาชีพของเขาในพรีเมียร์ลีก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทำประตูไม่ได้ในนัดเปิดสนาม

ทำประตูได้แต่โดนริบจาก VAR และถูกปฏิเสธจากคานประตู ก่อนโดนเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่ยังไม่ถึง 80 นาที

หยุดสถิติสุดคลาสสิคตั้งแต่ปี 2017

ขณะที่บอลกองกลางมีปัญหา

แฟนบอลเชลซีบางส่วนมีปัญหากว่า

ยังร้องเพลงเรื่องโศกนาฏกรรมอยู่

พรีเมียร์ลีก ออกโรงเตือน เอฟเอ ก็ระบุ รัฐบาลก็ยืนยันแล้ว ยังมีเหตุการณ์แบบนี้

ทีมฟุตบอลดี ๆ ต้องเสียชื่อเพราะคนบางกลุ่มเท่านั้น

โปเช็ตติโน่ มีเรื่องให้คิด คล็อปป์ ก็มีเรื่องให้คิด เนื่องจากอุ้ยเสี่ยวป้อ(แป้)

ผลเสมอไม่ใช่การเริ่มต้นฤดูกาลที่เลวร้าย

20 นาทีแรกน่าประทับใจ แต่หลังจากนั้นก็ค่อนข้างน่าหดหู่ใจที่จะพูดตามตรงว่า ไม่ปะติดปะต่อ

ขณะเดียวกัน บอร์ดทั้งสองทีมก็ “ต้องรู้” ว่าทีม “ขาดอะไร” นั่นหมายว่า “ไคเซโด้” ต้องจบได้แล้ว

ไคเซโด้ ไม่ใช่ว่าเก่งกว่าคนอื่น แต่ด้วย “ตำแหน่ง” นั่นหมายว่า ทีมใดและใครได้ไปนั้น อาจจะ “ไม่เหมาะเหม็ง”

แต่จะ “เหมาะมาก”

การแก้ไขตรงนี้ก็สำคัญไม่แพ้เกมในสนามที่ พรีเมียร์ลีก กับ เอฟเอ ต้องคิดให้ตกเช่นกัน

เพราะนี่มันปี 2023 แล้ว……

บีแหลมสิงห์#ตามหงส์ลงสนาม : เกมแรกที่ยังไม่พร้อม

สองทีมขาใหญ่แห่งวงการบอลอังกฤษ ที่หลับสนิทเมื่อฤดูกาลที่แล้วออกสตาร์ทด้วยกันก่อนจะจบเกมด้วยผลที่สมควรที่สุดนั่นคือเสมอ

เชลซี 1-1 ลิเวอร์พูล…แบ่งแต้มไปตามสเป็ค

ฝั่งหนึ่งก็ของเยอะ อีกฝั่งจำกัดจำเขี่ย แต่เหมือนกันโดยบังเอิญ ตรงที่ขาดจุดเดียวที่เหมือนกัน

ไม่มี “น้ำเปล่า” ตอนกินข้าวเสร็จใหม่ ๆ

เกมออนตอนเริ่ม เมื่อเราได้เห็น จอห์น เฮนรี่ ควงศรีภริยา เจ๊ว์ใหญ่ลืนดา ใส่ชุดเก่งแดงแจ๋ มาที่มหานครลอนดอน

ลิเวอร์พูล จัดทัพใส่รุก 4 คน แน่นอนคือสูตรจากนัดปรีซีซั่นเกมท้าย

โดคี้ กัคโป ถอนยืนต่ำเป็นดุจ บ็อกซ์ฯซ้าย เพื่อโอเวอร์โหลด และให้ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ปักตรงกลาง และ โดมินิค โซโบสไล ลุยสู้สูตรใหม่

เชลซี ในยุคประเดิมเริ่มต้น “ไม่เสี่ยง “ กับวันแรกในบ้าน เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เลือกเพลย์เซฟ

เล่น3CB เน้นตั้นกลางแน่น ๆ

ศึกนี้ นอกจากชิงกองกลางในตลาดกันแล้ว เกมนี้จะต้องชิงพื้นที่แดนกลางเต็มตีนเตี่ย!!!

….แล้วมันก็ชัดมาก ตลอดทั้ง 90 นาทีจากเกมแรกไม่แปลกใจ

ทำไมทั้งสองทีมจึงสอยกันยับนอกสนาม

แสดงให้เห็นว่า “ทำไม” ลิเวอร์พูล กับ เชลซี ต้องแย่ง มอยเซส ไคเซโด้

เกมการป้องกันกองกลางที่ผิดพลาดของทั้งสองทีม

มันค่อนข้างบอด บอลเร็วแต่รั่ว

ลิเวอร์พูล เริ่มเกมดีกว่าชัดเจน และอาศัยจังหวะ เชลซี กำลังจะเซ็ตระบบใหม่ ได้ประตูนำ

แต่ เชลซี ปรับกลาง บีบพื้นที่จากยืน “3หงาย” มาเป็น “เดือยคู่”

บอล 3-4-2-1 ชุควูเมก้า กับ สเตอร์ลิ่ง บีบเจ้ามาทำให้ กัคโป เจอปัญหา ก่อนจะตีเสมอในจังหวะที่พวกเขาอาศัยจังหวะได้ดีจากลูกที่มีสมาธิบอลสอง

วิธีแก้กินแดนกลางของ เชลซี ก็คือ การใช้ เอ็นโซ่ ขยับมายืนสูงทางด้านขวาในจังหวะเกมบุก ถือว่าได้รับการปรับแต่งอย่างน่าสนใจจาก โปเช็ตติโน่

เล่นงานฝั่งบ็อก ทู บ็อกซ์ ซ้ายของลิเวอร์พูล นั่นคือ กัคโป ทำให้ต้องใช้พละกำลังดิ้นรนในการป้องกันจากฝั่งนั้น มากกว่าสมาธิเกมรุก

เอ็นโซ ขึ้นมาทำให้ ราฮีม สเตอร์ลิงและ รีซ เจมส์ เล่นงานโรเบิร์ตสันแบบ 2 ต่อ 1 อยู่ตลอดเวลา

น่าสนใจก็คือ ลิเวอร์พูล ได้เข้าสู่เกมแรกของฤดูกาล ด้วยความไม่พร้อม

ผู้เล่นในตำแหน่งที่สำคัญที่สุด 2 ตำแหน่งในระบบที่เล่นอยู่มีปัญหาจริง

กลางรับ กับ หลังซ้าย

แม็ค อัลลิสเตอร์ ทำได้ดีแต่ไม่ใช่ในเรื่องคุมพื้นที่ เขาไม่ได้เล่นจุดที่ถนัดที่สุด ส่วน โรเบิร์ตสัน มีปัญหาการกลับคืนสู่ตำแหน่ง

มาดูกันต่อกับสมดุลย์เกมด้านซ้าย

ลิเวอร์พูล ไม่มีมานานแล้ว

หนึ่งในรากฐานที่สำคัญของความสำเร็จของลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์

นั่นคือ “บอลสามเหลี่ยมด้านซ้าย” ระหว่าง ร็อบโบ้, ไวจ์นัลดุม และมาเน่

ทั้งหมดให้การควบคุมในพื้นที่ทั้ง 3 ส่วนของสนาม

สถิติน่าประหลาดใจจบไป นั่นคือ เป็นครั้งแรกในอาชีพของเขาในพรีเมียร์ลีก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทำประตูไม่ได้ในนัดเปิดสนาม

ทำประตูได้แต่โดนริบจาก VAR และถูกปฏิเสธจากคานประตู ก่อนโดนเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่ยังไม่ถึง 80 นาที

หยุดสถิติสุดคลาสสิคตั้งแต่ปี 2017

ขณะที่บอลกองกลางมีปัญหา

แฟนบอลเชลซีบางส่วนมีปัญหากว่า

ยังร้องเพลงเรื่องโศกนาฏกรรมอยู่

พรีเมียร์ลีก ออกโรงเตือน เอฟเอ ก็ระบุ รัฐบาลก็ยืนยันแล้ว ยังมีเหตุการณ์แบบนี้

ทีมฟุตบอลดี ๆ ต้องเสียชื่อเพราะคนบางกลุ่มเท่านั้น

โปเช็ตติโน่ มีเรื่องให้คิด คล็อปป์ ก็มีเรื่องให้คิด เนื่องจากอุ้ยเสี่ยวป้อ(แป้)

ผลเสมอไม่ใช่การเริ่มต้นฤดูกาลที่เลวร้าย

20 นาทีแรกน่าประทับใจ แต่หลังจากนั้นก็ค่อนข้างน่าหดหู่ใจที่จะพูดตามตรงว่า ไม่ปะติดปะต่อ

ขณะเดียวกัน บอร์ดทั้งสองทีมก็ “ต้องรู้” ว่าทีม “ขาดอะไร” นั่นหมายว่า “ไคเซโด้” ต้องจบได้แล้ว

ไคเซโด้ ไม่ใช่ว่าเก่งกว่าคนอื่น แต่ด้วย “ตำแหน่ง” นั่นหมายว่า ทีมใดและใครได้ไปนั้น อาจจะ “ไม่เหมาะเหม็ง”

แต่จะ “เหมาะมาก”

การแก้ไขตรงนี้ก็สำคัญไม่แพ้เกมในสนามที่ พรีเมียร์ลีก กับ เอฟเอ ต้องคิดให้ตกเช่นกัน

เพราะนี่มันปี 2023 แล้ว……

บีแหลมสิงห์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *