🏆 The first ever FIFAWorldCup final ⚽️🇺🇾🇦🇷
โลกใบนี้ได้ทีมที่เป็นแชมป์ฟุตบอลโลก สมัยแรก วันนี้เมื่อ 93 ปีก่อน
ถ้วยยังชื่อว่า Victory ยังไม่ได้ใช้ชื่อว่า จูลส์ ริเมต์ ด้วยซ้ำ
ฟุตบอลโลกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ประเทศอุรุกวัย
กับการรวมพลยุ่งเหยิงทั้ง ”เปลี่ยนบอลกลางศึก”, “เรือขนนักเตะ” และ“ยอดแข้งแขนเดียว”…..
พร้อมกับเรื่องราวในตำนาน……..“เรามีข้อเสนอที่คุณจะปฏิเสธไม่ได้!!!”
•••••••••••••••••••
📸 ตำนาน คือ 🔛 สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ได้รับการยืนยันอย่างหนักแน่นจากประเทศอุรุกวัย ว่า พวกเขาพร้อมมากที่จะเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก สมัยแรก
พร้อมกับจะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้กับทุกทีมมาแข่งขัน
ทุกอย่างลงตัว กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-30 กรกฏาคม 1930 มีทีมเข้าร่วมฟาดแข้งทั้งหมด 13 ชาติ
เหตุผลที่มีทีมเข้าร่วมการแข่งขันน้อยเนื่องจากทวีปอเมริกาใต้ นั้นอยู่ไกลและใช้เวลาในการเดินทางนาน
ทำให้มีหลายชาติจากยุโรปเลือกที่จะปฏิเสธ และทีมที่ไปก็ไปด้วยกันก็มี!!!
🔹 เรือที่ชื่อ “SS Conte Verde” จอดรับบอร์ดบริหารของฟีฟ่า ณ ท่าเรือวิลฟรองเช่-ซูร์-แมร์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองนีซ
เรือลำนี้ออกเดินทางไปพร้อมกับทีมชาติฝรั่งเศส, เบลเยี่ยม และโรมาเนีย พร้อมกับแวะรับ บราซิล ที่ริโอ เดอ จาไนโร อีกด้วย
ส่วน ยูโกสลาเวีย อู๋จริงเช่าเรือไปด้วยตัวเอง
♦️ปรากฏว่า เมื่อไปถึงสนามแข่งขันเสร็จไม่ทันตามกำหนด!!!! โดยเฉพาะ เอสตาดิโอ เซนเตนาริโอ ที่สร้างเพื่อการนี้โดนเฉพาะมีความจุถึง 90,000 ที่นั่ง
ทำให้เกมเปิดสนามระหว่าง ฝรั่งเศส กับ เม็กซิโก ต้องไปเล่นที่เอสตาดิโอ โปซิตอส
📚บันทึกเกมฟุตบอลโลกนัดแรก เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 1930 “ลูเซียง โลรองต์” นักเตะฝรั่งเศส ทำประตูแรกในประวัติศาสตร์ในนาทีที่ 19
ก่อนที่ ฝรั่งเศส จะชนะไป 4-1 และมีการบันทึกผู้ชมนัดเปิดสนามไว้ที่ 4,444 คน
•••••••••••••••••••••
📚บันทึกมีให้ศึกษาอย่างมากสำหรับฟุตบอลโลกครั้งแรก นอกจากจะต้อง”ลงเรือลำเดียวกัน” ยังมีอีกเยอะกับ”ปฐมบทฟุตบอลโลก”
📍คอนสแตนติน ราดูเลสคู ผู้จัดการทีมชาติโรมาเนีย ไม่เพียงแต่คุมทีมเท่านั้น เขายังเป็น”ไลน์แมน” ในเกมระหว่าง อาร์เจนติน่า พบ อุรุกวัย ในนัดชิงอีกด้วย
📍กษัตริย์ “คิง คาโรล” ของโรมาเนีย ทรงให้นักเตะชุดบอลโลก หยุดงานได้ 3 เดือนโดยการันตีว่า จะมีงานทำต่อเมื่อเดือนทางกลับมาจากการแข่งขัน พร้อมกับมีเรื่องราวที่ว่า พระองค์ทรงมีส่วนในการจัดตัวนักบอลอีกต่างหาก
📍อุลิเซส์ เซาเซโด้ กุนซือของโบลีเวีย ก็รับงาน 2 จ็อบเช่นกัน ด้วยการเป็นผู้ตัดสินในเกมระหว่ง อาร์เจนติน่า กับ ฝรั่งเศส แถมยังเป่า 3 จุดโทษในเกม อาร์เจนติน่า ยำ เม็กซิโก 6-3
📍มานูเอล เฟร์เรยร่า กัปตันทีมชาติอาร์เจนติน่า ไม่ได้ลงเล่นในรอบแรกเลย เนื่องจากต้องกลับไปบ้านเกิด เพราะติดสอบที่มหาวิทยาลัย!!!
📍ขณะที่ผู้ตัดสินนัดชิงชนะเลิศคือ ฌอง ลานเกนุส จากเบลเยี่ยม ที่ได้รับมอบหมายการทำหน้าที่ หลังจากมีประสบการณ์ตั้งแต่โอลิมปิก 1928 ต่อมาเขาได้ออกหนังสือ “Whistling in the World”
“ผมถูกขู่จากทั้งฝั่ง ทั้งจากอุรุกวัย และ อาร์เจนติน่า ก่อนลงทำหน้าที่นัดชิงชนะเลิศ!!!!”
•••••••••••••••••••••
🏆 เกมนัดชิงชนะเลิศที่เมืองหลวง มอนเตวิเดโอ ใช้สนาม เอสตาดิโอ เซนเตนาริโอ้ เป็นสังเวียน ซึ่งถือว่าเป็นสนามที่มีความพร้อมมากที่สุด ในเกมนี้จุแฟนบอลได้ถึง 93,000 คน
🔹ประเด็นคือ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างมีลูกฟุตบอลของตัวเอง และตกลงกันไม่ได้ ทำให้นัดชิงต้องใช้ลูกฟุตบอล 2 ลูก
ว่ากันตามเชิง นี่เป็นเหตุผลที่แฟร์มาก ๆ ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ลูกหนังโลก
⚽️ครึ่งแรกใช้ของ อาร์เจนติน่า สไตล์ลูกบอลคือ “Tiento”
⚽️ครึ่งหลังใช้ของ อุรุกวัย คือ “T-model”
ผลออกมาคือ ครึ่งแรก อาร์เจนติน่า นำก่อนด้วยบอลของตัวเอง 2-1 พอมาครึ่งหลังใช้บอลของอุรุกวัย กลายเป็นพวกเขายิงได้ถึง 3 ประตู ส่งผลให้ อุรุกวัย ชนะ 4-2 คว้าแชมป์โลกไปครอง
♦️ กรรมการ ลานเกนุส ได้ทำสัญญากับฝ่ายจัดการแข่งขันว่า ให้เตรียมเรือเอาไว้ให้เขาออกจากสนามให้เร็วที่สุด หากว่ามีอะไรไม่คิดคิดเกิดขึ้น!!!
🏆 ลงท้ายนัดชิงจบ “โฮเซ่ นาสซาซรี่” แบ๊คขวาของอุรุกวัย เป็นกัปตันทีมคนแรกของทีมแชมป์โลก
อัลแบร์โต้ ซัปปิซี่ เป็นกุนซือวัยเพียง 31 ปี ที่ยังถือครองสถิติมาจนถึงทุกวันนี้ ในการเป็นโค้ชอายุน้อยสุดที่ได้แชมป์โลก
📍 ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ “El manco” เอ็คตอร์ คาสโตร ผู้ทำประตูแรกให้กับเจ้าภาพในนัดประเดิมสนามรอบแรก กลายมาเป็นผู้ยิงประตูปิดท้ายของเกมอีกด้วย
ประวัติของเขาก็น่าสนใจยิ่ง
เพราะเป็นนักเตะ”แขนเดียว”
เนื่องจากอุบัติเหตุเสียแขนขวาไปตั้งแต่อายุ 13 ปี แต่เล่นบอลได้พลิ้วไหวดั่งสายน้ำ!!!
สุดจริงกับบอลโลก สมัยแรก!!!!!