กลายเป็นงานง่ายอย่างเหลือเชื่อ เมื่อ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล บุกชนะ นิวคาสเซิ่ล 2-0 ที่เซนต์ เจมส์ พาร์ค
การได้ประตูที่ยอดเยี่ยม เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นเกมหลังจากผ่านไปแค่ 10 นาที จากจังหวะการเล่นดับเบิ้ลพาสต์างด้านข้าง แล้วเปิดเร็ง,แรง และแม่นยำของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ไปให้กับ ดาร์วิน นูนเญซ เอาบอลลงอย่างพอดิบพอดี เพราะจังหวะมันลงตัว และตะบันเข้าไปอย่างมั่นใจสุด ๆ
จากนั้นอีกแค่ 7 นาที การประสานงานแบบนี้ที่แฟนบอลต้องการนั่นคือการเล่นแผนล่อ แล้วจากนั้นบอลที่ทำท่าจะออกไปด้านข้าง ได้ถูกเจาะตรงกลับเข้ามาตรงกลางอีกที และเป็นการจ่ายแบบ “เฉาะ” ของ โม ซาลาห์ เข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว และมีคนที่มาตามนัดที่จะต้องอ่านกันให้ขาด
คนที่วาบเข้ามาแล้วทำได้คือ โคดี้ กักโป
จากนั้นสถานการณ์ยิ่งเป็นใจเข้าไปอีกเมื่อ นิค โป๊ป นายประตูเจ้าถิ่นโดนไล่ออก จากจังหวะออกมาตัดแล้วพลาดเอง ซึ่งต้องชมการออกบอลจาก อลิสซอน เบ๊คเกอร์ มาถึง ซาลาห์ ซึ่งเป็นใครก็หวั่นไหว เมื่อวิ่งยาวมาขนาดนั้น
22 นาทีเหลือ 10 คน ตามหลัง 0-2 จบแน่นอน
เป็นเกมที่ นิวคาสเซิ่ล ต้องใช้พลังมากมายด้วยการเล่น 10 คนนานประมาณ 70 นาที พวกเขาฮึดที่จะตีโต้ด้วยการทำเกมรุกใส่ ลิเวอร์พูล อย่างสนุก และเกือบได้ประตู
มันเป็นเกมที่เปิด และ ลิเวอร์พูล เลือกที่จะไม่แลก ใช้วิธีคุมพื้นที่และให้บอลนำทาง เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องเร่งอะไรมากมายนัก ก่อนจะปิดแมทช์ได้
การเล่นที่มีสปีดเร็วขึ้น และเหมือนกับเข้าใจกันมากขึ้น จับสัญญาณได้จากการประสานงานในแนวลึก ที่กลายเป็นทีมงานชุดแรกไปแล้วก็คือ ซาลาห์-กัคโป-ดาร์วิน
ไม่เกี่ยวที่ตัวเยอะกว่าน้อยกว่า ทีมที่เหนือกว่าจะยิงได้
แต่ขึ้นอยู่กับวิธีการ, การบริหารเกม และสถานการณ์มากกว่า ซึ่งเกมนี้ ลิเวอร์พูล แสดงให้เห็นว่า พวกเขาเล่นแบบตามสถานการณ์
ประเด็นเกมนี้ จบไปตั้งแต่ 20 นาทีแรก และเราได้เห็นว่า ลิเวอร์พูล ไม่พลาด ทำคะแนนสำคัญได้ต่อเนื่อง 2 เกม พร้อมกับขึ้นมาอยู่อันดับ 8 กระเตื้องขึ้นมา 2 เกม 2 ขั้น แต่ภาพรวมคือ ตามหลังโซนพื้นที่แชมเปี้ยนส์ลีก เหลืออยู่ 6 คะแนน
วิธีการน่าสนใจคือ ผู้เล่นสามารถมีให้เลือกมากขึ้น แต่ต้องดูว่า ไหล่ของ ดาร์วิน นูนเญซ จะมีปัญหามากน้อยแค่ไหน เพราะกำลังเล่นได้ลงตัวกับเพื่อน
ไม่มีใครอยากให้เกิดภาพแบบที่ หลุยส์ ดิอาซ ที่กำลังลงตัวกับ ซาลาห์ และดาร์วิน ต้องเดี้ยงไปในนัดกับ อาร์เซนอล
ฟากฝั่ง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด มีผลกระทบเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะด่านสุดท้าย
นิค โป๊ป เป็นนายทวารที่แจ้งเกิด ในการเล่นให้กับ เบิร์นลี่ย์ บุกไปเจ๊า ลิเวอร์พูล ที่แอนฟิลด์
โลกรู้จักนักบอลคนใหม่ก้านยาว จากเด็กส่งนมมาเป็นแข้งอาชีพ
มาในวันนี้ โป๊ป มาพลาดโฉ่งฉ่างโดนใบแดงไล่ออก ในเกมกับ ลิเวอร์พูล จนพลาดชิงลีกคัพ
ส่งผลกระทบอย่างแรงในนัดชิงคาราบาวคัพ
โป๊ป จะติดโทษแบนไม่ได้เฝ้าเสาในนัดชิงกับ แมนฯยู อย่างแน่นอน
ขณะที่มือ 2 มาร์ติน ดูบราฟก้า ก็ติดคัพไทเพราะเคยลงเล่นให้กับ แมนฯยู ในช่วงที่ถูกปล่อยยืมไปก่อนหน้านี้
1.มาร์ค จิลเลสพี นายด่านวัย 30 ปี ที่เป็นคนท้องถิ่น แต่พเนจรไปเรื่อยทั้งที่ คาร์ไลส์, บลายธ์ สปาร์ตันส์, วอลซอลล์
ก่อนจะย้ายมาในปี 2020 จากสโมสร “คุณแม่แสนดี” มาเธอร์เวลล์ และลงเล่นให้ทีมไปแล้ว 3 นัดในบอลถ้วย
แต่ไม่เคยลงสนามเลยเกือบ 2 ปี
2.ลอริส คาริอุส นายประโกล์วัย 29 ปี ชาวเยอรมนี ที่ชีวิตเหมือนหมดอนาคตไปเลย หลังจากพลาดนัดชิงแชมเปี้ยนส์ลีก 2018
เขาไม่เคยลงเล่นที่อังกฤษอีกเลย และถูกปล่อยยืมไปยัง เบซิคตัส ในตุรกี กับ อูนิโอน เบอร์ลิน ในเยอรมนี
ไม่เคยลงสนามเลยเกือบ 2 ปีเช่นเดียวกัน
อีกทั้งต้นขาของ โชลินตอน คือสิ่งที่พวกสาลิกา ต้องลุ้นกันหนัก ยังดีที่ บรูโน่ กิลมาไรซ์ จะพ้นแบนกลับมาทำให้แดนกลางมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
บทจบเกม นิวคาสเซิ่ล แพ้เป็นเกมที่ 2 ของฤดูกาล จาก 23 นัด ชนะ 10 เสมอ 11
ซึ่งการแพ้ทั้ง 2 ครั้งที่เกิดขึ้นในบอลลีกปีนี้ คือแพ้ให้กับ ลิเวอร์พูล ทั้งเหย้าและเยือน…….
ที่สำคัญคือ การเข้าทำแบบ ลิเวอร์พูล สไตล์ ได้กลับมา
แม้วิธีการบางอย่างจะเปลี่ยนไป ดุดันน้อยลง แยบคายมากขึ้น
ไอ แอม โอเค…..
