6 พฤษภาคม 2024
hilight-หลัก Sport Story

สรุปภาพรวมยูโร 2024 รอบคัดเลือกฟีฟ่าเดย์ มี.ค 2023

ภาพรวมของการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2024 รอบคัดเลือก ตอนนี้ผ่านไปแล้ว 1 ฟีฟ่าเดย์ เส้นทางในการลุ้นเข้ารอบสุดท้ายไปเล่นที่เยอรมนียังคงเปิดกว้าง สำหรับทุกกลุ่ม

กลุ่ม เอ

“ตาร์ตัน” ทีมชาติสกอตแลนด์ จัดการต่อสัญญากับผู้จัดการทีมอย่าง สตีฟ คลาร์ก เพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย เซ็นยาวถึงปี 2026 ด้วยเป้าหมายผ่านเข้ารอบสุดท้าย 2 ทัวร์นาเมนท์ใหญ่อย่าง ยูโร 2024 และฟุตบอลโลก 2026 ผลงานของพวกเขายอดเยี่ยมสุด ๆ เริ่มจากการถล่ม ไซปรัส 3-0 และยังมาน็อก “กระทิงดุ” สเปนได้ 2-0 ผงาดนำจ่าฝูงกลุ่มเอ มีอยู่ 6 คะแนน สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ เล่นทีมชาติได้ดีจริง ๆ กดไปแล้ว 4 ประตู

ส่วน สเปน ของ หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ กำลังอยู่ในช่วงของการปรับจูนแฟน ๆ ต้องอดทนให้เวลาสักหน่อย ตอนนี้มีอยู่ 3 คะแนน อยู่รองจ่าฝูง โชคดีที่ นอร์เวย์ ยุคใหม่แม้ตัวผู้เล่นดี แต่พอรวมกันเล่นไม่เรื่องเหมือนเดิม บุกเสมอจอร์เจีย 1-1

กลุ่ม บี

“ตราไก่” ฝรั่งเศส ยังคงโชว์ฟอร์มสมราคารองแชมป์โลก ลงเล่นเกมแรกด้วยการเปิดบ้านถล่มเอาชนะ “อัศวินสีส้ม” เนเธอร์แลนด์ ที่ประเดิมโค้ชใหม่อย่าง โรนัลด์ คูมัน ไปแบบขาดลอย 4-0

กัปตันทีมคนใหม่อย่าง คีลิยัน เอ็มบาปเป้ เหมาสอง ตามด้วยการบุกเอาชนะ “ยักษ์เขียว” ไอร์แลนด์ ได้อีก 1-0 ฝรั่งเศส นำจ่าฝูงกลุ่มบี ด้วยการมี 6 คะแนนเต็มจากชัยชนะ 2 เกม เริ่มต้นได้อย่างยอดเยี่ยม

ส่วนเนเธอร์แลนด์เจอปัญหาตั้งแต่เริ่มจากการที่ แฟรงกี้ เดอ ยองก์ และสตีเว่น เบิร์กไวจน์ สองแกนหลักบาดเจ็บต้องถอนตัวไป แถมยังมาเจอไวรัสระบาดในแคมป์เก็บตัว ทำให้ต้องถอนเพิ่มไปอีก 5 ราย สุดท้ายพ่ายฝรั่งเศสไปอย่างที่เห็น แต่ก็กลับมาเรียกความมั่นใจด้วยการเปิดบ้านต้อนยิบรอลตาร์ ไป 3-0 ทำให้พวกเขามีอยู่ 3 คะแนน

กลุ่ม ซี

“สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ ประกาศกร้าวถึงเวลาที่พวกเขาต้องเป็นแชมป์ระดับเมเจอร์เสียที ออกสตาร์ทอย่างสวยหรูด้วยการบุกเอาชนะ “อัซซูรี่” ทีมชาติอิตาลี แชมป์ยูโร 2020 ถึงเนเปิ้ลส์ 2-1 เป็นชัยชนะในเกมเยือนเหนืออิตาลีนับตั้งแต่ปี 1961

แฮร์รี่ เคน ซัดจุดโทษผงาดขึ้นเป็นดาวซัลโวตลอดกาลของทีมชาติอังกฤษ แซงหน้า “สุกรโลกันต์” เวย์น รูนีย์ ที่เคยทำเอาไว้ จากนั้นกลับมาเล่นในเวมบลีย์ก็ต้อนเอาชนะยูเครนไปได้อีก 2-0 ทำให้อังกฤษขึ้นนำจ่าฝูงกลุ่มซีด้วยการมี 6 คะแนน

ส่วน อิตาลี กำลังเผชิญวิกฤตเกี่ยวกับคุณภาพนักเตะในประเทศ ที่ช่วงหลังค่าเฉลี่ยในการลงสนามน้อยเหมือนเกิน โดยเฉพาะตำแหน่งศูนย์หน้าที่ถือว่าขาดแคลน เมื่อ ชิโร่ อิมโมบิเล่ มีปัญหาอาการบาดเจ็บ เช่นเดียวกับ จาโคโม่ ราสปาโดรี่ ส่วนจานลูก้า สคามัคค่า ก็ย้ายมาฟอร์มตกกับเวสต์แฮม ยูไนเต็ด

ต้องไปเรียก มาเตโอ เรเตกี หัวหอกที่เกิดและเติบโตในอาร์เจนติน่า แต่มีเชื้อสายอิตาเลี่ยนจากบรรพบุรุษเข้ามาติดทีม ผลงานโดยรวมของหอกวัย 23 ปี ถือว่าน่าประทับใจ ยิงได้ในเกมแรกที่ประเดิมสนามแม้จะแพ้ให้กับอังกฤษ และยังโขกเบิกร่องในเกมนัดสองที่บุกไปเอาชนะมอลต้า 2-0 ทำให้อิตาลีมีอยู่ 3 คะแนน จากการชนะ 1 แพ้ 1

กลุ่ม ดี

ถือว่าเป็นกลุ่มที่สูสี “ตราหมากรุก” โครเอเชีย อันดับ 3 จากศึกฟุตบอลโลก 2022 ออกสตาร์ทไม่ดีโดน “มังกรแดง” เวลส์ไล่ตามตีเสมอในช่วงทดเจ็บพลาด 3 คะแนนสำคัญ ก่อนเกมที่สองจะบุกไปเชือด “ไก่งวง” ตุรเคีย ได้ 2-0 จากการเหมาของ มาเตโอ โควาซิซ ส่วนเวลส์เปิดบ้านต้อนลัตเวียได้ 2-0 ทำให้ทั้งสองทีมมีอยู่ 4 คะแนนเท่ากัน

ส่วนตุรเคีย ภายใต้การคุมทีมของ “ไอ้ตำรวจ” สเตฟาน คุนต์ซ รั้งอันดับ 3 ของตารางมีอยู่ 3 แต้ม จากการลงเล่น 2 นัด

กลุ่ม อี

กลุ่มนี้จัดว่าเป็น “กรู๊ป ออฟ อู๊ด” มี 2 ทีมเต็งอย่าง โปแลนด์ และสาธารณรัฐเช็ก ที่คาดว่าน่าจะกอดคอกันเข้ารอบ ประเดิมสนามเกมแรกก็เจอกันเองเลย เป็นสาธารณรัฐเช็กที่เปิดบ้านเอาชนะไปได้ 3-1 แต่เกมที่สองดันออกไปเสมอกับมอลโดว่า 0-0 ทำให้เช็กมีอยู่ 4 แต้ม ขึ้นนำจ่าฝูงของกลุ่มอี

ส่วนโปแลนด์ ภายใต้การคุมทีมของโค้ชใหม่อย่าง เฟอร์นานโด ซานโตส แก้ตัวในเกมที่สองด้วยการบดเอาชนะแอลเบเนีย ทีมที่จะเป็นตัวแปรของกลุ่มไปได้ 1-0

กลุ่ม เอฟ

“ปีศาจแดงแห่งยุโรป” ทีมชาติเบลเยี่ยม ที่หมดยุค “โกลเด้นเจเนเรชั่น” คุมทัพโดย โดมินิโก้ เตเดสโก้ ประเดิมอย่างสวยหรูด้วยการบุกถล่ม “ไวกิ้ง” สวีเดน ของ “ครูสลา” ซลาตัน อิบราฮิโมวิช 3-0 จากการซัดแฮตทริกของ “พี่ตู้” โรเมลู ลูกากู หลังจากนั้นพวกเขาไปอุ่นเครื่องแล้วยังเอาชนะ เยอรมนี ได้อีก 3-2

อิบราฮิโมวิช จารึกชื่อกลายเป็นนักบอลอายุมากที่สุดที่ลงสนามในบอลยูโร หรือ ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนชิพ รอบคัดเลือกด้วยวัย 41 ปี 5 เดือน 21 วัน ทำลายสถิติของ ดิโน ซอฟฟ์ ผู้รักษาประตูวัยดึกชาวอิตาลี ที่ถือครองไว้ตั้งแต่ปี 1983 ในฐานะชายอายุมากที่สุดที่เล่นในเวลานั้น 41 ปี 3 เดือน

ส่วนทีมนำของกลุ่มนี้คือออสเตรียของ ราล์ฟ รังนิค ที่ออกสตาร์ท 2 เกมแรกด้วยฟอร์มการเอาชนะรวดมี 6 คะแนน ตามด้วย เบลเยี่ยม และสวีเดน (3 คะแนนเท่ากัน) ที่แก้ตัวไล่ถล่มอาเซอร์ไบจานในเกมที่สอง 5-0  

กลุ่ม จี

กลุ่มนี้ก็ถือว่าเป็น “กรู๊ป ออฟ อู๊ด” ได้เช่นกัน 3 ตัวเต็งที่จะผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายมี เซอร์เบีย, ฮังการี และมอนเตเนโกร โดยเซอร์เบียของ ดราแกน สตอยโควิช กลายเป็นผู้นำของกลุ่มหลังออกสตาร์ทด้วยการชนะ 6 เกมรวด เริ่มจากเปิดบ้านอัดลิธัวเนีย 2-0 ตามด้วยบุกต้อนมอนเตเนโกร 2-0 “ณเดชณ์” ดูซาน วลาโฮวิช หอกจากยูเวนตุสซัดไปแล้ว 3 ประตู

ส่วนทีมที่ตามมาคือ “แม็กยาร์” ฮังการี ที่มีโปรแกรมลงเล่นแค่เกมเดียวเปิดบ้านถล่มบัลแกเรียที่ไม่ฟื้นเสียที 3-0 อีกทีมคือ มอนเตเนโก ที่เอาชนะบัลแกเรียได้เหมือนกัน ทำให้ทั้งสองมี 3 แต้มเท่ากัน

กลุ่ม เอช

“โคนม” เดนมาร์ก ที่ยังใช้บริการ เยสเปอร์ ยูลมันด์ คุมทีม สตาร์ทด้วยการพลิกแซงฟินแลนด์ทีมจากดินแดนสแกนดิเนเวียด้วยกัน 3-1 จากแฮตทริกของราสมุส ฮอยลุนด์ แต่เกมที่สองดันมาตกม้าตายประมาทไปหน่อยออกไปเยือนคาซัคสถาน ฮอยลุนด์ คนเดิมซัดให้ทีมขึ้นนำ 2-0 ตั้งแต่ครึ่งแรก แต่กลับมาเล่นครึ่งหลังดันเป็นหนังคนละม้วนโดน คาซัคสถาน รัวคืนสามเม็ดรวดสุดท้ายพ่ายไป 3-2 ทำให้เดนมาร์กมี 3 คะแนนจากการลงเล่น 2 เกม

ส่วนทีมนำของกลุ่มนี้คือ สโลวีเนีย ที่มี 6 แต้มเพราะโปรแกรมไม่หนัก บุกเอาชนะคาซัคสถานได้ 2-1 และกลับมาเล่นในบ้านบด “สมันน้อย” ซาน มารีโน่ 2-0

กลุ่ม ไอ

สองทีมเต็งของกลุ่มอย่าง “แดนนาฬิกา” สวิตเซอร์แลนด์ และ “ผีดิบ” โรมาเนีย ออกสตาร์ทได้ตามเป้าพากันเก็บชัยชนะได้ 2 เกม ทำให้ทั้งสองทีมมีอยู่ 6 คะแนนเท่ากัน สวิตฯ นำจ่าฝูง 2 นัดยิงไป 8 ประตู และไม่เสียเลย ไล่ถล่ม เบลารุส 5-0 และเปิดบ้านอัดอิสราเอลในเกมล่าสุด 3-0

กลุ่มนี้มี 6 ทีม ทำให้เล่นกันไปแล้วทีมล่ะ 2 เกม ทีมตัวแปรในการลุ้นกันแย่งเข้ารอบในกลุ่มนี้คือ อิสราเอล และโคโซโว

กลุ่ม เจ

กลุ่มนี้ “ฝอยทอง” โปรตุเกส ภายใต้การคุมทีมของโค้ชใหม่ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ ยืนหนึ่งตามคาดประเดิมสนามด้วยการเปิดบ้านถล่ม ลิกเตนสไตน์ 4-0 คริสอาโน่ โรนัลโด้ ยิง 2 ประตู และจารึกชื่อว่าเป็นฟุตบอลที่ลงเล่นในนามทีมชาติมากที่สุดในโลก 197 เกม

โปรตุเกส ยังร้อนแรงไม่หยุดบุกถล่มลักเซมเบิร์กได้อีก 6-0 ‘พี่โด้” ซัดไปอีก 2 ทำให้พวกเขามี 6 คะแนนขึ้นนำจ่าฝูงไปแบบสบาย ๆ ยิง 10 เสีย 0

ส่วนทีมที่ตามมาในกลุ่มนี้ถือว่าลุ้นกันอย่างสนุก สโลวะเกีย มี 4 คะแนน ตามด้วยบอสเนียฯ และไอซ์แลนด์ ที่มี 3 แต้มเท่ากัน

อันดับดาวซัลโวยูโร 2024 รอบคัดเลือก (ฟีฟ่า เดย์ มีนาคม 2023)

๐ 5 ประตู ราสมุส ฮอยลุนด์ (เดนมาร์ก)

๐ 4 ประตู คริสติอาโน่ โรนัลโด้ (โปรตุเกส) และสกอตต์ แม็ตโทมิเนย์ (สกอตแลนด์)

๐ 3 ประตูมี 4 ราย โรเมลู ลูกากู (เบลเยี่ยม), ดูซาน วลาโฮวิช (เซอร์เบีย), อารอน กุนนาร์สสัน (ไอซ์แลนด์) และเรนาโต้ สเตฟเฟ่น (สวิตเซอร์แลนด์)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

hilight-หลัก, Sport

บทสรุปยูโ

hilight-หลัก, Sport

เช็คเลย!โ

hilight-หลัก, Sport

INFO: ได้