7 พฤษภาคม 2024
hilight-หลัก Sport

วิเคราะห์ฟันธงแชมเปี้ยนส์ ลีก รองชิงฯ (10-06-2023)

ศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2022-23 เดินทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศ ที่อตาเติร์ก โอลิมปิก สเตเดี้ยม ที่เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี เป็นการดวลกันระหว่าง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบกับ “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน ในเวลา 02.00น.

“เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หากทำได้จะเป็นทีมที่ 8 และทีมที่ 2 ในอังกฤษที่คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ ถือว่าเป็นถ้วยที่เป๊บ กวาร์ดิโอล่า ใฝ่ฝันอยากจะได้มาครอบครองมากที่สุดในการคุม ซิตี้ หลังจากตัวเขาเคยได้มาแล้ว 3 ครั้ง แบ่งเป็นสมัยนักเตะ 1 ครั้ง ปี 1992 และสมัยเป็นผู้จัดการทีม ปี 2009 กับ 2011 ทั้งหมดเกิดขึ้นกับ บาร์เซโลน่า

ตามรายงานไม่มีปัญหาอาการบาดเจ็บ เรียกได้ว่าแกนหลักอยู่กันแบบครบครัน มาในระบบ 3-4-2-1 จอห์น สโตนส์ ขยับขึ้นมาเล่นมิดฟิลด์คู่กับ โรดรี้ ริมเส้นสองฝั่งใช้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา และแจ็ค กรีลิช โดยมี เควิน เดอ บรอยน์ และอิลคาย กุนโดกัน คอยปั้นเกมอยู่ด้านหลังหน้าเป้าอย่าง เออร์ลิ่ง เบร้าท์ ฮาลันด์

ทางฝั่ง “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน 1 ใน 3 ทีมจากอิตาลี ที่ผ่านเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศในถ้วยยุโรปฤดูกาลนี้ 2 ทีมแรกอย่าง ยูเวนตุส และฟิออเรนติน่า แพ้ไปแล้ว พวกเขาเคยคว้าแชมป์รายนี้มา 3 สมัย ในปี 1964, 1965 และ2010 ซึ่งหนสุดท้ายคุมทีมโดยโฆเซ่ มูรินโญ่ และเป็นทริปเปิ้ลแชมป์ด้วย

ทีมนี้นำนาวาโดย ซิโมเน่ อินซากี้ ตามรายงานอาจจะต้องรอทดสอบความฟิตของ เฮนริค มคิตาร์เรียน มิดฟิลด์ตัวเลื้อยว่าจะพร้อมหรือไม่ เช่นเดียวกับ ฆัวกิน คอร์เรอา นอกนั้นอยู่กันครบ จัดทีมในระบบ 3-5-2 ตามถนัด นำโดย เดนเซล ดุมฟรีส์, นิโกโล่ บาเรลล่า, ฮาคาน ชัลฮาโนกลู, มาร์เซโล่ โบรโซวิช, เฟเดริโก้ ดิ มาร์โก, เอดิน เชโก้ และเลาคาโร่ มาร์ติเนซ โดยมี โรเมลู ลูกากู สแตนด์บายบนม้านั่งสำรอง

11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม แมนฯซิตี้ (3-4-2-1): เอแดร์ซอน, ไคล์ วอล์คเกอร์, รูเบน ดิอาส, มานูเอล อคานจี, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, จอห์น สโตนส์, โรดรี้, แจ็ค กรีลิช, เควิน เดอ บรอยน์, อิลคาย กุนโดกัน และเออร์ลิ่ง เบร้าท์ ฮาลันด์    

อินเตอร์ มิลาน (3-5-2): อองเดร์ โอนาน่า, มัตเตโอ ดาร์เมี่ยน, ฟรานเชสโก้ อแซร์บี้, อเลสซานโดร บาสโตนี่, เดนเซล ดุมฟรีส์, นิโกโล่ บาเรลล่า, ฮาคาน ชัลฮาโนกลู, มาร์เซโล่ โบรโซวิช, เฟเดริโก้ ดิ มาร์โก, เอดิน เชโก้ และเลาตาโร่ มาร์ติเนซ

๐ สู่เส้นทางแห่งการลุ้นแชมป์

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เข้าชิงบอลยุโรป เป็นครั้งที่ 3 โดยครั้งแรกเข้าชิงศึกคัพ วินเนอร์ส คัพ ปี 1970 ได้แชมป์ด้วยการชนะ กอร์นิค ซาเบรเซ่ จากโปแลนด์ 2-1 ในการคุมทัพของ โจ เมอร์เซอร์ จากนั้นในปี 2021 เข้าชิงแชมเปี้ยนส์ลีก แพ้ เชลซี 0-1

หากชนะได้ในนัดนี้จะทำให้เป็น “เทรเบิ้ลแชมป์” อย่างสมบูรณ์นั่นคือแชมป์พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เหมือนกับที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยทำไว้เมื่อปี 1999

ทางฝั่ง อินเตอร์ ดีกรีเหนือกว่า แมนฯซิตี้ ด้วยการเคยครองถ้วยยุโรปมาแล้ว 6 รายการ ประกบอด้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่เข้าชิง 5 ครั้ง ได้แชมป์ไป 3 ครั้ง ปี 1964 ชนะ เรอัล มาดริด 3-1,ปี 1965 ชนะ เบนฟิก้า 1-0 และ ปี 2010 ชนะ บาเยิร์น มิวนิค 2-0 พร้อมกับกวาด 3 แชมป์ในซีซั่นเดียว นอกจากนี้ยังได้แชมป์ยูฟ่า คัพ 1991 ชนะ โรม่า ด้วยสกอร์รวม 2-1, ปี 1994 ชนะ ออสเตรีย ซัลซ์บวร์ก สกอร์รวม 2-0 และ ปี 1998 ชนะ ลาซิโอ 3-0

๐ “เรือใบ”ต่อบานเบอะ-คาดจบในเวลา

อัตราต่อรองคู่นี้ แมนฯซิตี้ ถูกยกให้เหนือกว่าบานเบอะเยอะแยะ โดยอัตราแชมป์ตอนนี้เหลือแค่ 2-9 หรือแทง 9 ได้คืนแค่ 2 ขณะที่ อินเตอร์ ไปไกลที่ 7-2 หรือแทง 2 ได้คืน 7 โดย ซิตี้นั้นถูกมองว่า จะชนะในเวลาด้วยอัตรา 9-20 หรือแทง 20 ได้คืนแค่ 9 เท่านั้น ฟาก อินเตอร์ อัตรา 13-2 และอัตราเสมอกันในเวลาอยู่ที่ 17-2

อัตราการยิงประตูได้ทั้งสองฝั่งใน 90 นาที อยู่ที่ 19-20 พร้อมกับเปิดอัตรา ซิตี้ ชนะแบบเกมศูนย์อยู่ที่ 11-8 ส่วนนักเตะที่เป็นตัวเต็งจะพังสกอร์แรกคือ เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาลันด์ ตามมาด้วย ฆูเลี่ยน อัลบาเรซ, ริยาด มาห์เรซ และเควิน เดอ บรอยน์ รวมถึง อิลคาย กุนโดกัน ที่กำลังอินฟอร์ม

๐ สนามตำนาน-ผู้ตัดสิน

เกมนี้จะมีขึ้นที่อาตาเติร์ก โอลิมปิก สเตเดี้ยม นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี ซึ่งเป็นสนามตำนานที่ทุกคนจดจำเกมไฟนอล ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ เอซี มิลาน เมื่อปี 2005 โดยมี ฮามิต อัลตินท็อป อดีตนักเตะดังเติร์ก เป็นแอมบาสซาเดอร์ ประจำนัดนี้ และจะมีการแสดงก่อนเกมจาทก บูร์น่า บอย นักร้องจากไนจีเรีย และอนิตต้า นักร้องจากบราซิล

ผู้ตัดสินที่จะทำหน้าที่ในเกมนี้คือ ไซม่อน มาร์ซิเนียค จากประเทศโปแลนด์ โดยได้รับการการันตีจาก IFFHS ยกให้เป็นผู้ตัดสินที่ดีที่สุดในโลกในเวลานี้ โดยเป็นผู้ตัดสินเกมฟุตบอลโลก 2022 นัดชิงชนะเลิศที่ผ่านมา ณ ประเทศกาตาร์

โดยผู้ช่วยผู้ตัดสินคือ พาเวล โซคอลนิคกี้ กับ โทมาสซ์ ลิสต์คีวิคซ์ จากโปแลนด์, ผู้ตัดสินที่ 4 อิสวาน โควัคส์ จากโรมาเนีย, ผู้ตัดสินสำรอง วาซิเล่ มาริเนสคู จากโรมาเนีย, ผู้ควบคุมวีเออาร์ โทมาสซ์ เควียตโควสกี้ จากโปแลนด์, ผู้ช่วยผู้ตัดสินวีเออาร์ บาร์ตอสซ์ ฟรันคอฟสกี้ จากโปแลนด์ และผู้ช่วยอีกคนคือ มาร์โก้ ฟริตซ์ จากเยอรมนี

กติการคู่นี้คือถ้าเกมไม่จบใน 90 นาที จะต่อเวลาไป 30 นาที ถ้ายังไม่รู้ผลจะยิงจุดโทษตัดสินแบบ A-B โดยทั้งสองทีมส่งรายชื่อสำรองได้ทั้งหมด 12 คน และสามารถเปลี่ยนตัวได้ทั้งหมด 5 คน นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนเพิ่มอีก 1 คนในช่วงต่อเวลาพิเศษ

๐ สถิติชี้ชัด”อังกฤษ”สูสี”อิตาลี”

อังกฤษ กับ อิตาลี โคจรมาเจอกันในนัดชิงชนะเลิศ รายการนี้เป็นครั้งที่ 5 โดยก่อนหน้านี้ผลัดกันแพ้ชนะชาติละ 2 ครั้ง โดยฝั่ง อังกฤษ เป็น ลิเวอร์พูล เข้าชิงทั้งหมด
ครั้งแรก ปี 1984 ลิเวอร์พูล ชนะ โรม่า ด้วยการยิงจุดโทษในการเตะที่กรุงโรม, ครั้งที่สอง ปี 1985 ยูเวนตุส ชนะ ลิเวอร์พูล 1-0 ที่บรัสเซลล์, ครั้งที่สาม ปี 2005 ลิเวอร์พูล ชนะจุดโทษ มิลาน หลังจากเสมอ 3-3 ที่สนามอตาเติร์กแห่งนี้ และครั้งที่สี่ ปี 2007 มิลาน ชนะ ลิเวอร์พูล 2-1 ที่เอเธนส์
สถิติการพบกันของทั้งสองทีมเคยเจอกันมา 2 ครั้ง ในเกมอุ่นเครื่อง ผลัดกันแพ้ชนะไปฝั่งล่ะครั้ง ด้วยสกอร์ 3-0 เหมือนกัน  

อัตราต่อรอง : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต่อ 1 ลูก

ฟันธง : ซิตี้แชมป์ใน 90 นาที

++++++++++++++++++++++++

เส้นทางสู่นัดชิง Road to Istanbul
แมนฯซิตี้ (อังกฤษ)
รอบแบ่งกลุ่ม
(เยือน) ชนะ เซบีญ่า 4-0, (เหย้า) ชนะ ดอร์ทมุนด์ 2-1, (เหย้า) ชนะ โคเปนเฮเก้น 5-0, (เยือน) เสมอ โคเปนเฮเก้น 0-0, (เยือน) เสมอ ดอร์ทมุนด์ 0-0, (เหย้า) ชนะ เซบีญ่า 3-1
ชนะ 4 เสมอ 2 มี 14 คะแนนเข้ารอบด้วยเป็นแชมป์กลุ่ม
รอบ 16 ทีม
(เยือน) เสมอ แอร์เบ ไลป์ซิก 1-1, (เหย้า) ชนะ แอร์เบ ไลป์ซิก 7-0
สกอร์รวมสองนัด แมนฯซิตี้ ชนะ 8-1
รอบก่อนรองชนะเลิศ
(เหย้า) ชนะ บาเยิร์น มิวนิค 3-0, (เยือน) เสมอ บาเยิร์น มิวนิค 1-1
สกอร์รวมสองนัด แมนฯ ซิตี้ ชนะ 4-1
รอบรองชนะเลิศ
(เยือน) เสมอ เรอัล มาดริด 1-1, (เหย้า) ชนะ เรอัล มาดริด 4-0
สกอร์รวมสองนัด แมนฯซิตี้ ชนะ 5-1

อินเตอร์ มิลาน (อิตาลี)
รอบแบ่งกลุ่ม
(เหย้า) แพ้ บาเยิร์น มิวนิค 0-2, (เยือน) ชนะ วิคตอเรีย เพลเซ่น 2-0, (เหย้า) ชนะ บาร์เซโลน่า 1-0, (เยือน) เสมอ บาร์เซโลน่า 3-3, (เหย้า) ชนะ วิคตอเรีย เพลเซ่น 4-0, (เยือน) แพ้ บาเยิร์น มิวนิค 0-2
รอบ 16 ทีม
(เหย้า) ชนะ ปอร์โต้ 1-0, (เยือน) เสมอ ปอร์โต้ 0-0
สกอร์รวมสองนัด อินเตอร์ มิลาน ชนะ 1-0
รอบก่อนรองชนะเลิศ
(เยือน) ชนะ เบนฟิก้า 2-0, (เหย้า) เสมอ เบนฟิก้า 3-3
สกอร์รวมสองนัด อินเตอร์ มิลาน ชนะ 5-3
รอบรองชนะเลิศ
(เยือน) ชนะ เอซี มิลาน 2-0, (เหย้า) ชนะ เอซี มิลาน 1-0
สกอร์รวมสองนัด อินเตอร์ มิลาน ชนะ 3-0

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *