7 พฤษภาคม 2024
hilight-หลัก Story

🔴⚽️🌔“แดร์คลาสสิเคอร์2023”

🏁เมื่อ‘พี่สอง’ต้องขี่‘พี่เสือ’!!! #สถานีบุนเดสลีกา

…….โลกใบนี้กำหนด 12 ปี เป็น 1 รอบ เรียกว่า 12 นักษัตร

ในวงการลูกหนังเยอรมนี มีแค่ 2 ทีมนี้ที่ได้แชมป์มาครอง ดอร์ทมุนด์ ทำได้ติดต่อกัน 2 สมัย ซีซั่น 2010-11และ 2011-12 ยุคของ เยอร์เก้น คล็อปป์

จากนั้น บาเยิร์น โกยอ้าวกวาดแชมป์มา 10 ปีติดต่อกัน เป็นสถิติใหม่แห่งวงการฟุตบอลลีกระดับใหญ่ของยุโรป

จุ๊ปป์ ไฮย์นเกส กับการคัมแบ๊กถือบังเหียนครั้งที่ 3 และทำทีมแบบฟูลไทม์ครั้งที่ 2 นำทีมยึดถาดแชมป์ ทำสถิติ 34 นัด ชนะถึง 29 แพ้ครั้งเดียวเป็นสถิติใหม่ แถมยังครองถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยการกำราบ ดอร์ทมุนด์ 2-1 ที่กรุงลอนดอน

เป็นจุดกำเนิดที่มาของ “แดร์ คลาสซิเคอร์” อย่างสมบูรณ์แบบ

ไม่เพียงแต่ต่อกรในประเทศเท่านั้น ทั้งคู่ยังทำให้โลกรู้ว่า นี่คือคู่ปะทะในระดับชิงเจ้ายุโรปอีกด้วย

หากจะย้อนไปในการเป็นคู่ปะทะของคู่นี้ #ดอร์ทมุนด์ เองเป็นทีมแรกในวงการฟุตบอลเยอรมนี ที่ได้แชมป์บอลถ้วยยุโรป ก่อน #บาเยิร์น ด้วยการชนะ #ลิเวอร์พูล 2-1 ครองแชมป์รายการคัพ วินเนอร์สคัพ ปี 1966

ดอร์ทมุนด์ ใช่ว่าจะได้แชมป์เป็นกอบเป็นกำ แต่มักจะเป็นประเภท “หักหน้าบาเยิร์น” ด้วยการปาดหน้าเป็นแชมป์บุนเดสลีกา 2 สมัยรวด ในปี 1995 กับ 1996 ก่อนจะสร้างปรากฎการณ์เป็นแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 1997

แถมในซีซั่นต่อมา ดอร์ทมุนด์ เขี่ย บาเยิร์น ตกรอบ 8 ทีมแชมเปี้ยนส์ลีก อย่างเจ็บปวดจากสกอร์ของ สเตฟาน ชาปุยซาต์ ดาวยิงซ้ายยาวกว่าขวา

ยังผลให้ซีซั่นต่อมา บาเยิร์น จัดการไปคว้าตัว อ็อตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์ มาจากอกของ ดอร์ทมุนด์ แล้วก็พาทีมกวาดแชมป์บุนเดสลีกา 4 จาก 5 ปี แต่หนึ่งในปีที่ไม่ได้แชมป์ ก็ถูก ดอร์ทมุนด์ ปาดหน้าเข้าวินมา 1 สมัยในการทำทีมของ “เจ้าชายผมแดง” มัทธีอัส ซามเมอร์

อย่างไรก็ตาม ในยุคปัจจุบัน 10 ปีหลังสุดนั้น ดอร์ทมุนด์ ไม่สามารถผยองสู้กับพี่เสือได้ จากนั้นก็กลายเป็น บาเยิร์น ที่กวาดแชมป์บุนเดสลีกาฝ่ายเดียว

จาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า 3 สมัย, คาร์โล อันเชล็อตติ 1 สมัย, จุ๊ปป์ ไฮย์นเกส คัมแบ๊กอีกรอบมากู้สถานการณ์ทีมได้อีก 1 สมัย, นิโก้ โควัช 1 สมัย, ฮันซี่ ฟลิก 2 สมัย และยูเลียน นาเกิลส์มันน์ 1 สมัยเป็นรายล่าสุด

ในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ 10 ปีที่ บาเยิร์น เป็นแชมป์ติดต่อกันนั้น ดอร์ทมุนด์ ได้รองแชมป์ 6 สมัย แต่การต่อกรนั้นแทบจะไม่ได้หวาดเสียวหรือตื่นเต้นอย่างที่ควรจะเป็น

เราจะเห็นได้ชัดว่า แท้จริงแล้ว 10 ปีที่ บาเยิร์น เป็นแชมป์นั้น พวกเขาก็เปลี่ยนกุนซือเป็นว่าเล่น ซึ่งก็ไม่แตกต่างกันกับ ดอร์ทมุนด์ เหมือนกัน

10 ปีที่บาเยิร์น เป็นแชมป์ ใช้ผู้จัดการทีม 6 คน ฟากฝั่ง ดอร์ทมุนด์ หลังหมดยุค คล็อปป์ เมื่อปี 2015 ใช้กุนซือไปแล้วถึง 6 คน รวม 7 รอบด้วยกัน

นั่นก็คือ โธมัส ทูเคิล, ปีเตอร์ บอสซ์, ปีเตอร์ สตอเกอร์, ลูเซียง ฟาฟร์, เอดิน แทร์ซิซ, มาร์โก้ โรเซ่อ ก่อนที่ แทร์ซิซ จะมาทำงานอีกครั้งเมื่อ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา

นอกจากการเป็นรองแชมป์บุนเดสลีกา 6 สมัย สิ่งเดียวที่พวกเขาปราบ บาเยิร์น ได้จนที่เป็นจดจำก็เป็นเพียงแค่รายการ 2019 DFL-Supercup เท่านั้น

ความน่าสนใจในการต่อกรกันในวันเสาร์นี้ เวลา 23.30 น.ที่บ้านของบาเยิร์น มิวนิค ซึ่ง พีพีทีวี เอชดี ช่อง 36 PPTV HD 36 เจ้าของลิขสิทธิ์หนึ่งเดียวของประเทศไทย จะทำการถ่ายทอดสด

นอกจากการลุ้นแชมป์กันแบบตรง ๆ เพราะ ดอร์ทมุนด์ มีแต้มมากกว่าอยู่ 1 คะแนน การต่อกรหนนี้ถือเป็นการเปิดตัว “บาเยิร์น ยุคใหม่” อีกด้วย

บาเยิร์น เพิ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ด้วยการปลด ยูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ ออกจากตำแหน่งเทรนเนอร์ แล้วแต่งตั้ง โธมัส ทูเคิล เป็นกุนซือลำดับที่ 33 ของสโมสรในยุคบุนเดสลีกา ที่เข้ามารับงาน

เพียงแค่สัปดาห์เดียว จะต้องเจอกับ ดอร์ทมุนด์ ทันที

ซึ่งก็เหมือนกับเมื่อครั้งที่ ฮันซี่ ฟลิก เข้ามารับงานเมื่อ 4 ปีก่อน และก็นำ บาเยิร์น กำชัยในศึกใหญ่นี้ 4-0 ซึ่งเป็นเกมแรกที่ ฟลิก คุมทัพลงเล่นในบอลลีกอีกด้วย

สำหรับ #ทูเคิล เคยคุมทัพ ดอร์ทมุนด์ แล้วมาคุม บาเยิร์น ลักษณะคล้ายกับ ฮิตซ์เฟลด์ แต่ไม่ได้เป็นการย้ายตรง โดยเขาออกไปท่องยุทธจักรจาก ดอร์ทมุนด์ ไปอยู่กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ตามด้วย เชลซี

พร้อมกับได้ชิงเจ้ายุโรป 2 ปีซ้อน และได้แชมป์กับ เชลซี ปี 2021

2 ปีในการคุมทัพดอร์ทมุนด์ ระหว่างซีซั่น 2015-2017 ทูเคิล พาทีมเข้าชิงบอลถ้วยเดเอฟเบ โพคาล ได้ในทันทีในการปีแรก แต่ต้องผิดหวังเมื่อพ่ายการดวลเป้าให้กับ บาเยิร์น 3-4 ชวดแชมป์ที่โอลิมเปียสตาดิโอน กรุงเบอร์ลิน

แต่ในปีรุ่งขึ้น ทูเคิ่ล ลบแค้น และสร้างความแสบสันต์ให้กับ บาเยิร์น ด้วยการพาทีมบุกไปชนะถึงถิ่น 3-2 ก่อนจะไปเป็นแชมป์ด้วยการชนะ แฟรงค์เฟิร์ต 2-1

นั่นคือเกียรติยศหนึ่งเดียวของ ทูเคิล บนแผ่นดินเยอรมนี พร้อมกับเป็นการ “เอาคืนบาเยิร์น” อย่างสาสมใจ แต่ให้หลังแค่ 3 วัน ทูเคิล มีปัญหาคาใจเข้าไปเคลียร์กับ ฮันส์-โยอาคิม วัตซ์เค ซีอีโอสโมสร และ มิชาเอล ซอร์ค ผู้อำนวยการกีฬาสโมสร แต่ผลคือต้องแยกทาง

ปิดสถิติคุมทัพเสือเหลือง 108 นัด ชนะ 68 เสมอ 23 แพ้ 17 ได้รองแชมป์บอลลีก 2 สมัย และแชมป์บอลถ้วย 1 ครั้ง รองแชมป์อีก 1 ครัั้ง

“ดีเอ็นเอสโมสรแห่งนี้ชัดเจน มันคือชัยชนะ จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้” คำสัมภาษณ์ในวันรับตำแหน่งของ ทูเคิล

ว่ากันตามเชิง นี่เป็นกุนซือที่มีความมุ่งมั่นมากที่สุดคนหนึ่งในยุโรป และกำลังเติบโตขึ้นสู่ระดับสูงสุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สำคัญก็คือมีบุคลิกแห่งผู้ชนะ

แต่สิ่งที่ต้องเจอแน่นอนก็คือ กำแพงที่มองไม่เห็น
คนบุคลิกแข็ง ๆ มารวมตัวอยู่ในที่เดียวกัน นั่นคือทีมบริหารบาเยิร์นทั้ง โอลิเวอร์ คาห์น กับ ฮาซาน ซาลิฮามิดซิซ

ขณะเดียวกัน “บิลด์ไซตุ้ง” สื่อดังเยอรมนี ระบุว่า มีการเมืองในห้องแต่งตัว ในฝ่ายที่ไม่เอา นาเกิลส์มันน์ กับฝ่ายที่เอานาเกิลส์มันน์

มีการระบุชื่อว่า มานูเอล นอยเออร์, ซาดิโอ มาเน่, จามาล มูเซียล่า, เลรอย ซาเน่, แซร์ช นาบรี, สเวน อูลไรช์ แม้กระทั่ง ชูเอา กานเซโล่

่ ตัวเพิ่งยืมมาอยู่ฝั่งไม่เอาโค้ช

ส่วน โยชัว คิมมิช, เลออน โกเรตซ์ก้า, มัตไธส์ เดอ ลิกท์, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, เบนฌาแม็ง ปาวาร์ เป็นพวกเอาโค้ช

มันช่างตรงกันกับบุคลิกแข็งโป๊กของ ทูเคิล เหลือเกิน

ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่ ทูเคิล ต้องอำลา ดอร์ทมุนด์ เหตุมาจากความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับบอร์ดบริหาร โดยเฉพาะ วัตซ์เค เคยพูดว่า ทูเคิล เป็นประเภทคนที่พูดไม่รู้ฟัง หลังจากโดน “พี่สอง” วิจารณ์การบริหารงานออกสื่อ

เรื่องของการทำงานที่ไม่เหมาะกับฟุตบอล

การให้ทีมลงสนามเพียงวันเดียวหลังจากเหตุวางระเบิดรถบัส, การไม่จริงใจในการซื้อขายนักบอล โดยเฉพาะกรณีของการปล่อยตัวนักบอลที่เขาต้องการอย่าง มัตส์ ฮุมเมิลส์, อิลคาย กุนโดกัน และเฮนริก มาคิตาเรี่ยน ออกไปจากทีม

ขณะที่ โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์, เนเวน ซูโบติช และ ยาคุบ บลาซซีคอฟสกี้ ที่เขาต้องการปล่อยตัว แต่กลับถูก วัตซ์เค ปฏิเสธ อีกทั้ง ทูเคิล ก็มีปัญหากับ สเวน มิสลินตัต หัวหน้าแมวมองของทีมอย่างรุนแรงในสนามซ้อม

ประเด็นเรื่องของฝีไม้ลายมือ แน่นอนที่สุดว่า ทูเคิล เป็นชั้นเซียน ด้วยตัวตนของเขาที่ขึ้นชื่อว่าเป็นกุนซือเยอรมนี ที่มีฟุตบอลระบบ เน้นดึงศักยภาพของนักเตะทุกคนออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่สิ่งที่ต้องระวังนั่นก็คือ คลื่นใต้น้ำ

ต้องระวังผู้คนที่ไม่พร้อมที่จะยอมรับความเปลี่ยนแปลง

ทูเคิล ไม่ชอบนักเตะที่ตั้งคำถาม หรือแสดงออกด้านความคิดเห็นถ้าไม่จำเป็น แน่นอนที่สุดว่า นักเตะที่ปรับตัวเข้ากับสไตล์ของเขาได้อย่างรวดเร็ว คือนักเตะคนโปรดของเขา

ความเด็ดเดี่ยวและความเชื่อในแท็กติกของตัวเอง สำคัญคือ หัวไม่มีไว้ให้ก้มง่าย ๆ

“เสือใต้”ยุคใหม่ เริ่มต้นในช่วงเวลาและเกมใหญ่ที่เหมาะสมโดยแท้

บีแหลมสิงห์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *