7 พฤษภาคม 2024
hilight-หลัก Story

อำลา…อาจารย์วงการสื่อกีฬา

*การอำลาแผงหนังสือของสยามกีฬา ที่อยู่คู่กับคนรุ่นผมมา “ทั้งชีวิต”

*บางคนบอกว่า นี่คือสัจธรรม หรือตามเวลา จะอะไรก็แล้วแต่ นี่คือเหตุผลของโลก และเหตุผลทางธุรกิจ ที่รู้กันอยู่เต็มอก

*หนังสือพิมพ์ไม่ได้ล่มสลายหรอกครับ ยกเว้นพฤติกรรมกงเกวียนของทั้งผู้ทำ, ผู้ผลิต และผู้อ่าน

*นาทีนี้ละม้ายคล้ายกับว่า ในเมืองไทยมันถูกจริตกับโลกออนไลน์ เราถึงขั้นระดับแชมป์การดูข่าวจาก Tiktok ถือว่าธรรมดาที่ไหน

*หลายคนอาจจะไม่รู้สึกอะไร หลายคนอาจจะรู้สึกตกใจ หลายคนอาจจะรู้สึกใจหาย

*เหมือนกับเพื่อนคนหนึ่ง อาจารย์ท่านหนึ่ง ผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง…..ลาจาก

*สำหรับผมแล้วนั้น สยามกีฬา ไม่ใช่บริษัทเอกชน หรือผลิตสื่อเพียงอย่างเดียว

*แต่นี่คือ สถาบันการศึกษา เป็นสถาบันหลักเรื่องกีฬา ที่สร้างและเติมฝันให้กับเด็ก ๆ ที่ชื่นชมสิ่งนี้

เพิ่มทักษะให้เรารักการอ่าน

*มี อาจารย์ สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาสอน แต่ละคนก็จะมีวิธีที่แตกต่างกัน

*อาจารย์คนนี้เป็นแบบนี้ อาจารย์คนนี้เราไม่ชอบเลย อาจารย์คนนี้สอนเข้าใจ…..เป็นเรื่องธรรมดาของศิษย์น้อย ๆ อย่างเราท่าน…..

*ว่ากันตามเชิง หนังสือพิมพ์เหมือนอยู่ในใจของ “เด็กหนวด” ที่แทบจะไม่เจอคน ๆ นี้มาหลายปีหลัง เพราะแผงหนังสือเริ่มหายไป

ผิดกับร้านสะดวกขายที่ขึ้นง่ายกว่าดอกเห็ด

*หลายคนลองย้อนถามตัวเองว่า ไม่ได้ซื้อหนังสือมานานแค่ไหนแล้ว นั่นแหล่ะจะได้คำตอบว่า มัวแต่ไถ ๆ กันอยู่ปลายนิ้วสัมผัส

มันถล่มทุกวงการไม่ใช่แค่ “สิ่งพิมพ์”

*ในวันนี้เหมือนกับหลาย ๆ วันที่ผ่านมา ผมตามหาหนังสือพิมพ์สยามกีฬาแต่ตั้งใจมากกว่าทุก ๆ วัน เพราะอะไรทุกคนก็รู้ดีแล้ว ซึ่งพวกเราคนในวงการรู้ตั้งแต่สัปดาห์ก่อน

**ตั้งแต่เช้า ตอนนี้ยังไม่ได้ จะ 9 โมงแล้ว เนื่องจากแผงแถวบ้านเส้นทอดยาว สาธุประดิษฐ์ ไปถึงถนนจันท์ ปกติเคยมีแผงหนังสือเกือบ 20 เจ้า

ปัจจุบันเฉาเหลืออยู่ 3 แผง

ร้านสะดวกขายก็ไม่นำมาวางอีกแล้ว…….

*หลายคนอาจจะเข้าใจผิดว่า “ปิดตาย” แต่ที่จริงแล้วยังคง Still Alive “สยามกีฬา”ยังคงอยู่ ยกเว้นฉบับพิมพ์ แต่นั่นแหล่ะ มันคนละเรื่องกัน

ระหว่าง กระดาษ กับ จอดิจิทัล

*บ้านผมอาจจะเสียเงินให้สยามสปอร์ต ซินดิเคท มากกว่าบริษัทอื่นก็ได้ เพราะซื้อกันทุกรุ่น กระทั่งตัวผมนับเฉพาะ “หนังสือพิมพ์รายวัน” ได้ซื้ออ่านเองครั้งแรกตอน ม.2 พ.ศ.2533 ฉบับพิมพ์พิเศษบอลโลก 1990 และผมได้เคยเล่าไปแล้วกับการซื้อ “สตาร์ ซอคเกอร์ รายวัน” เล่มแรก เมื่อปี 1992

*ถือหนังสือพิมพ์ไปเรียน เค้าเรียกว่า “ไอ้บ้าบอล” แต่เท่ห์ฉิบ

*กระทั่งมาถึงยุคนึง คนถือหนังสือพิมพ์เปลี่ยนไปจาก “ไอ้บ้าบอล” เป็น “ไอ้นี่มันแทงบอล” บอกตรง ๆ ผมคิดในใจ ก็ช่างแม่ง ใครคิดอะไรก็ปล่อยไป

*หลับหลังไม่ว่า แต่ถ้าต่อหน้าโดนแน่

*สุดท้ายมันเป็นความภูมิใจ ที่ไอ้บ้าบอลมันมีงานมีการทำทุกวันนี้ แน่นอนว่า “สยามกีฬา” มีส่วนผลักดันให้กับชีวิตของหลายคน

***หนึ่งในนั้นคือผมเอง โดยมี พี่ ย.โย่ง ไปไอดอล

  • ซื้อมาได้อ่านก่อนใคร รู้สึกว่า มันใช่เลย และถ้าใครมาขออ่าน มึงห้ามทำยับนะ กูโมโหมาก ฮ่า
  • ตัดภาพจากหน้าปก มาทำเป็นกระเป๋ากระดาษ เอาสติ๊กเกอร์มาเคลือบ ถือไปเรียนที่บ้านสมเด็จ รู้สึกเท่ห์มาก ฮ่าฮ่า
  • ผมจะเน้นซื้อสตาร์ ซอคเกอร์ รายวัน เป็นหลัก(รายสัปดาห์ซื้ออยู่แล้ว) เพื่ออ่านทุกคอลัมน์ และเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ปี 1992 กระทั่งถึงปัจจุบัน

*เส้นทางอาจจะไม่ได้บรรจบกันในการไปทำงานที่นั่น เพราะผมเคยถูกปฏิเสธตอนฝึกงาน และก็คิดว่า เอาวะ”กูไม่ทำที่นี่ก็ได้”

กลับมาร้องไห้ เสียใจชิบหาย พี่โย่งก็ตาย แล้วก็ไม่รับเข้าไปฝึกงานอีก

แต่ชีวิตต้องดำเนินต่อไป จนกระทั่งได้มาปักหลักที่ “แนวหน้า”

แล้วก็ได้ทำงานในสายนี้แบบเกี่ยวดองหนองยุ่งกัน ก่อนจะได้เขียนหนังสือ “โรนัลโด้” จากการไว้วางใจจาก พี่โอฬาร เมื่อสองปีก่อน

เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ มันก็น่าตกใจ

*ผมเชื่อว่า คนหลายคนคงจะรำคาญการศึกษาเรื่องราวต่าง ๆ จากโลกออนไลน์ ข้อมูลบิดผิดเพี้ยนรอให้ออกทะเลอยู่ในทุกเมื่อ และยังอยากจะซื้อหนังสืออยู่ แต่ก็อีกนั่นแหล่ะ อาจจะตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันคือ “จะซื้อได้ที่ไหน”

*บนโลกที่บิดเบี้ยว และผิดทิศทางอย่างเช่น ค.ศ.ปัจจุบัน ส่วนหนึ่งเพราะสังคมออนไลน์ และส่วนหนึ่งคือ คนทำหนังสือเองด้วยที่เปลี่ยนไป

อาชีพหอมหวลเมื่อ 30 ปีก่อน เริ่มจืดจาง

มันส่งผลหลายด้านอย่างแท้จริง

*หนังสือพิมพ์คือสิ่งที่ทำให้เรา “ได้รู้” ในสิ่งที่ “อยากรู้” และสิ่งที่ “ไม่อยากรู้” บ่งบอกชัดเจนอาทิ

*จากนี้ก็น่าสนใจ สุดท้ายก็ได้แค่เตือนกันว่า อย่าเสพสื่อแต่เรื่องตลก เร็ว กระชับ ฉับไว แต่ไร้ใจความ หรือจะทำเพื่อความ(กะ)โปกฮา เน้นยอดไลค์ สร้างกระแส และดราม่า

ทุกอย่างมีทั้งบวกและลบ มีทั้งและร้าย เหรียญมีสองด้าน สันดรสันดานคือสิ่งที่เราต้องเฝ้าระวางระวัง

*แปลข่าวเป็นอย่างเดียว หาใช่เป็นนักเขียน หรือ นักข่าวได้นะครับ………ดังนั้น “เรา”ต้องพิจารณา เลือกด้านที่ “ดีที่สุด” เก็บไว้เป็นตัวอย่าง

*จริงอยู่เราต้องหมุนตามโลก ใช่ครับ เราหยุดทุกอย่างไม่ได้ แต่เราสามารถหยุดตัวเราเองได้นี่(หว่า)

*ในฐานะที่ “โตมากับสยามกีฬา” มีเป้าหมายชีวิตส่วนหนึ่งก็ สยามกีฬา ได้ทำงานสายนี้จนถึงทุกวันนี้ส่วนหนึ่งก็เพราะ สยามกีฬา และไม่จำนวนไม่น้อยที่ยอมอดขนม เพื่อเก็บเงินมาซื้อสยามกีฬา

*ขอบคุณการทำงานในยุคก่อน ที่ทำให้เราได้มีทิศทางที่ดี มีจินตนาการ และไม่ได้เสี้ยมให้เราทะเลาะกันเวลาดูฟุตบอล กระทั่งถึงยุคดิจิตอลก็ต้องให้คนพิจารณาตามยถา

*ขอบคุณที่ยังมีสิ่งพิมพ์ที่คู่ใจอย่าง “สตาร์ซอคเกอร์ รายสัปดาห์” ยังมีลมหายใจ

เติมฝันบันฑิตรุ่นแล้วรุ่นเล่า ที่พร้อมจะหายใจไปพร้อม ๆ กัน………

บีแหลมสิงห์

ป.ล.ใครหาซื้อได้บ้าง นี่หาไม่ได้เลย เซ็งโคตร

ส่วนคนจะเมนท์อะไร ที่ไหนก็ตามจากนี้ พึงระลึกเสมอเรื่องใจเขาใจเราด้วยนะครับ ไม่ใช่ว่า นึกอยากจะเม้นท์(ห่า)อะไรก็เมนท์………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *