กระบวนการสรรหาด้วย ‘Data Driven’ ซึ่งเป็นสิ่งที่เคยนำพาให้ลิเวอร์พูลได้พบกับ เยอร์เก้น คล็อปป์เมื่อปี 2015 กลับมาทำงานอีกครั้งในปี 2024
ปี 2015 ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ อยู่ฝ่ายเทคนิค ทำงานร่วมกับ เอียน เกรแฮม นำพา คล็อปป์ มาที่แอนฟิลด์
ครั้งนี้มีใครบ้าง หลักใหญ่ที่หลายคนรู้จักคือ เอ็ดเวิร์ดส์ ที่กลับมาใหญ่กว่าเก่า
เข้ามาทำงานกับ ลิเวอร์พูล ครั้งแรกในปี 2011 ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ของสโมสร, จากหัวหน้าฝ่ายประเมินผล, ตำแหน่งฝ่ายเทคนิคและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาของสโมสร เมื่อปี 2016
อำลาทีม 2022 และกลับมาด้วยตำแหน่ง ในตำแหน่ง “CEO of football”
ริชาร์ด ฮิวจ์ส จากบอร์นมัธ มารับตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาของสโมสร หรือ Sporting Director
ภารกิจสำคัญนี้อยู่ในมือของ วิลล์ สเปียร์แมน ซึ่งเป็นคนที่มารับช่วงต่อจากเกรแฮมนั่นเอง
“นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล” ที่หลายคนอาจไม่เคยได้ยินอาชีพนี้มาก่อน แต่นั่นคือฟันเฟืองสำคัญ ที่ทำให้หงส์แดงคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก
ในเรื่องของ “วิทยาศาสตร์ข้อมูล” (Data Science) หมายถึงการนำข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) มาวิเคราะห์ตามกระบวนการตั้งสมมติฐาน, ทดลอง และหาผลลัพธ์
จากนั้นก็นำใช้ประโยชน์หลังจากการกลั่นกรองออกมาเป็นที่เรียบร้อย
เพราะต่อให้มีข้อมูลเยอะ แต่ไม่มีการกลั่นกรองก็ไร้ประโยชน์สิ้นดี
ลิเวอร์พูล เป็นสโมสรแรก ๆ ของพรีเมียร์ลีก ที่เห็นความสำคัญของ “บิ๊ก ดาต้า” หรือ “ข้อมูลขนาดใหญ่” ที่นำมากลั่นกรองจนตกผลึก และเป็นเบื้องหลังความสำเร็จกับแชมป์ ในยุคของ คล็อปป์
อีกหนึ่งคนที่ “คาดว่า”จะอยู่ในพื้นที่การทำงานนี้ด้วยในการร่วมให้ข้อมูลในการสรรหา
แบร์รี่ ฮันเตอร์ อดีตนักเตะทีมชาติไอร์แลนด์เหนือ วัย 55 ปี เป็น chief scout ตั้งแต่ปี 2012
กำลังจะมา มาร์ค เบอร์ชิลล์ วัย 43 ปี อดีตกองหน้าทีมชาติสก็อตแลนด์ หัวหน้าแมวมองของ บอร์นมัธ
เคร็ก แม็คคี ผู้ประสานงานสเกาท์ของบอร์นมัธ ซึ่งถูกอธิบายว่าเป็นหัวใจสำคัญของปฏิบัติการของริชาร์ด ฮิวจ์สที่บอร์นมัธ