บอลคิงส์คัพ ถ้วยสุดแสนคลาสสิกที่ไทยเป็นเจ้าภาพ จบรอบตัดเชือกที่เชียงใหม่ ด้วยชัยชนะของ ทีมชาติไทย ที่มีเหนือ เลบานอน 2-1
-ทีมไทย ออกสตาร์ทด้วยระบบ 3-5-2 แบบคลาสสิก
ฉัตรชัย บุตรพรม จอมเซฟได้ออกสตาร์ท โดยมี พรรษา เหมวิบูลย์ ยืนเซ็นเตอร์ 3 ร่วมกับ กฤษดา กาแมน และวีระเทพ ป้อมพันธุ์
“ลูกโซ่” นิโคลัส เก่งเขตกิจ มิคเกลสัน ลูกครึ่งนอร์เวย์-พิษณุโลก เป็นวิงขวา ข้ามอีกฟากคือ บดินทร์ ผาลา เป็นวิงซ้าย
“โก๋อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน กัปตันทีมยืนกลางตัวลึก แล้วขยับ สารัช อยู่เย็น ที่ปกติจะปักเป็นเข็มทิศ ต้องไปเล่นตัวบนซ้าย และฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ เป็นบ็อกซ์ขวา
แนวรุกคู่ใช้ “เช็ก” สุภโชค สารชาติ ที่กำลังติดไฟใส่เท้าในเจลีก คู่กับจอมเก๋า “เทพมุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา
-ทีมเยือน นำทัพมาโดย ฮัสซัน อาลี มาตู้ค จอมเก๋า วัย 36 ปี เจ้าของฉายา “เลบานีส เมสซี่”
เขาต้องลี้ภัยจากบ้านเกิด ด้วยวัย 2 ขวบจากเหตุเลบานีส ซีวิล วอร์ และไปเล่นฟุตบอลในเยอรมนี กับ โรต-ไวสส์ เอสเซ่น จากนั้นกลับมาใช้ชีวิตในกรุงเบรุต ในวัย 11 ขวบ เล่นทีมชาติตั้งแต่ปี 2008 ติดธง 109 นัด ยิงไป 23 ประตู
มาตู้ค เคยซัดไทยมาแล้ว 3 ประตู เมื่อปี 2015 ในรอบคัดเลือกเอเชี่ยนคัพ เขายิงแบบไปกลับ โดยยิงที่บ้าน 1 ลูก และยิงที่ราชมังคลากีฬาสถาน 2 ลูก โดยตอนนั้น ไทย แพ้ 2-5 ทั้งสองเกม
อีกคนคือ บาสเซล จราดี้ เพลย์เมคเกอร์ชาวเดนมาร์กเชื้อสายเลบานอน ร่วมทัพ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ในซีซั่นนี้ แต่ยังไม่ได้ลงสนาม ซึ่งมิดฟิลด์วัย 30 ปีเกิดและเติบโตที่โคเปนเฮเก้น ประเทศเดนมาร์ก
🔺ครึ่งแรก ไทยอาจมีโอกาสยิงมากกว่า ตรงกรอบมากว่า แต่มีปัญหาขึ้นได้ฝั่งเดียวคือ ขวา
เนื่องจากการเล่นฝั่งซ้าย การใช้ บดินทร์ ถือว่าสุ่มเสี่ยงเนื่องจาก โดยธรรมชาติถนัดขวาและชอบเล่น “ฟูลแบ๊ก” แต่กับ “วิงแบ๊ก” ถือว่ามีปัญหาทันที และทำให้เกมด้านซ้ายที่ วีระเทพ ไม่ได้ดันขึ้นมา ทำให้บอลไทยเหมือนขึ้นได้ทางเดียว
แต่กลับกลายการได้ประตูมาจาก บดินทร์ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ
เลบานอน เสียสมาธิไปปล่อยให้ บดินทร์ มีพื้นที่ให้ลากจี้เข้ามาก่อนจะเตะยัดไส้มาแฉลบ จิฮัด อายูบ เข้าประตูตัวเองไปแบบต้องไปสะเดาะเคราะห์
ลูกที่จะ ๆ คงไม่พ้นการที่ ธีรศิลป์ ทะลุไปยิงแบบเดี่ยว ๆ แต่ซัดไปตรงตัวอย่างน่าผิดหวัง และดาวยิงคนสำคัญของอาคันตุกะ “มาตู้ค” ล็อกตัดในและปั่นไซด์ด้วยขวาแต่บอลไปชนเสาออกไปแบบสะดุ้งทั้งเมือง
🔺ครึ่งหลัง เปิดฉากขึ้นมา เลบานอน เปลี่ยนวิธีการด้วยการขึ้นมาปักหลักขึ้นหน้ามากกว่าเดิม และเพรสบนหนักหน่วง ทำให้ยิ่งเล่นยิ่งครองเกมได้มากยิ่งขึ้น และค่อย ๆ กินพื้นที่ขึ้นมา ทำให้บอลไทยต้องเตะทิ้งบ่อยครั้ง ก่อนจะทำนบแตกในนาทีที่ 57
ไทย เสียประตูในลักษณะเดียวกับที่ได้ประตู นั่นคือถูกแหวกเข้ามาทางฝั่งซ้ายกรอบโทษ มาตู้ค ลุยมาแล้วแจกเข้ากลางให้กับ บาสเซล จราดี้ มาที่จุดนัดพบแล้วยิงย้อนศรเสียบตาข่าย
ในขณะที่บอลไทยเป็นรองแบบสุด ๆ แต่เหมือนกับอากาศเป็นใจ เพื่อนิสัยเสริมส่ง ฝนตกลงมา เหมือนเป็นน้ำทิพย์ชุบชีวิตบอลไทยให้กลับมา
บอลที่เป็นรองทั้งจากการถูกเพรส และจากการเล่นบอลสั้นที่มีประสิทธิภาพของ เลบานอน กลายเป็นติด ๆ ขัด ๆ ก่อนที่ ไทยเราจะค่อย ๆ ฟื้นมาและได้ประตูที่ต้องการในนาทีที่ 85
ในจังหวะที่ตอบโต้ขึ้นมาแล้วการเกี่ยวบอลลงของ นิโกลัส ก่อนจะหมุนมาเปิดอินสวิงให้ ธีรศิลป์ ที่ปักหลักเลี้ยงไลน์ได้ดีก่อนจะเขกเข้าไปที่เสาไกล
ต้องชมเลเวลของ นิโกลัส และมันส่องสว่างบางอย่างว่า ไม่ต้องฝันไกลไปลีกหลัก ๆ หรอก ตรง ๆ คือ ใหญ่ไป
แต่ตระเวณเล่นตามที่ต่าง ๆ เพื่อยกระดับตัวเอง เพื่อช่วยยกระดับบอลในชาติ
15 ปีก่อน ไทย ชนะ เลบานอน ได้ในรายการนี้ 2-1 ที่สนามสุระกุล
มาถึงวันนี้ ไทย ย้ำแค้น เลบานอน ด้วยสกอร์เดิม
และได้ชิงชนะเลิศที่เชียงใหม่….ซะที!!!!!
สะใจจริง ๆ
บีแหลมสิงห์™️✍🏻
ป.ล.ไทย ชิง อิรัก วันอาทิตย์นี้ ย้อนรอย ปี 2007 หนนั้น ไทยชนะ 1-0 ครองแชมป์ด้วยสกอร์ของ ณรงค์ชัย วชิรบาล
ส่วนสนามต้องปรับดี ๆ ก่อนใช้จริง มันไม่โอครับ……
