ศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ เลกแรก ประจำค่ำคืนวันพุธที่ 12 เมษายน มีลงทำการแข่งขัน 2 คู่ด้วยกัน ถือว่าน่าสนใจทั้ง 2 เกม
02.00น. เรอัล มาดริด – เชลซี
เริ่มที่ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด จะได้เล่นในซานติอาโก้ เบร์นาเบว รับการมาเยือนของ “สิงห์บลูส์” เชลซี เจ้าถิ่นภายใต้การคุมทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ เพิ่งเปิดบ้านพ่ายคารังให้กับ บียาร์เรอัล ในเกมลีก 2-3 ทำให้ตอนนี้ตามหลัง บาร์เซโลน่า ถึง 13 คะแนน โอกาสลุ้นแชมป์ริบหรี่ เกมนี้ยังไม่มี แฟร์กล็องด์ เมนดี้ แบ็คซ้ายที่บาดเจ็บเพียงรายเดียว ที่หลายคนสงสัยว่า เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ ที่มีเรื่องฉาวบุกต่อ อเล็กซ์ บาเอน่า ในเกมล่าสุดไม่มีข้อบ่งชี้ว่าเขาจะพลาดเกมนี้ เชื่อว่าน่าจะลงเล่นได้ตามปกติ
ฝั่งทีมเยือนเชลซี ประเดิมโค้ชใหม่อย่าง แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่เข้ามาคุมทีมขัดตาทัพจนจบฤดูกาลนี้ แต่ผลงานไม่สวยเอาเสียเลย บุกพ่าย วูล์ฟแฮมป์ตัน ในเกมล่าสุด นี่คือถ้วยเดียวที่พวกเขายังมีลุ้นอยู่ในฤดูกาลนี้ มีรายงานว่า ติอาโก้ ซิลวา กองหลังจอมเก๋าหายจากอาการบาดเจ็บกลับมาซ้อมได้แล้ว เช่นเดียวกับลูกรักอย่าง เมสัน เม้าท์ ส่วน เบอนัวร์ บาเดียชิล, โนนี่ มาดูอาเก้ และปีแอร์-เอเมอริค โอบาเมยัง ไม่มีชื่อลงทะเบียนลงเล่นรายการนี้
ทรรศนะ: เรอัล มาดริด เล่นได้อย่างแข่งแกร่งในถ้วยนี้ ไม่ว่าพวกเขาจะมีผลงานที่ย่ำแย่ในลีกแค่ไหนก็ตาม ส่วน เชลซี เปลี่ยนโค้ชแล้วผลงานก็ยังไม่ดีขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องของผลการแข่งขัน แต่ยังหมายถึงรูปเกมด้วย การมาเยือนทีมที่มีประสบการณ์อย่าง เรอัล มาดริด ดูแล้วโอกาสรอดยากจริง ๆ
02.00น. เอซี มิลาน – นาโปลี
อีกคู่เป็นการดวลกันเองของสองทีมจากอิตาลี “ปีศาจแดงดำ” เอซี มิลาน จะเปิดซาน ซีโร่ ต้อนรับการมาเยือนของ นาโปลี ว่าที่แชมป์สคูเด็ตโต้ในฤดูกาลนี้ โดยจะลงเล่นในเวลาเดียวกัน 02.00น.
เจ้าถิ่น เอซี มิลาน เพิ่งจะเปิดบ้านเสมอกับ เอ็มโปลี แบบไม่มีสกอร์ในลีก 0-0 แต่กุนซือ สเตฟาโน่ ปิโอลี่ มีการโรเตชั่นทีมหลายตำแหน่งไว้สำหรับมาเล่นเกมนี้ แกนหลักอย่าง ราฟาเอล เลเอา และโอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ จะคืนสู่ทีมอีกครั้ง ส่วนที่บาดเจ็บลงเล่นไม่ได้คือ ปีแอร์ คาลูลู นอกนั้นถือว่าอยู่กันครบ
ฝั่งทีมเยือน นาโปลี โอกาสแชมป์ในลีกค่อนข้างสูง ทำให้ ลูเซียโน่ สปัลเล็ตติ หันมาเน้นในการรายการนี้ ผลงานในเกมล่าสุดบุกเอาชนะ เลชเช่ มา 2-1 ปัญหาหลักในเกมนี้คือการไม่ วิคเตอร์ โอซิมเฮน หัวหอกคนสำคัญที่บาดเจ็บต้นขา รวมไปถึง โจวานนี่ ซิเมโอเน่ ลูกชายของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ด้วย ทำให้หน้าเป้าต้องใช้ จาโคโม่ ราสปาโดรี่ ที่เพิ่งหายเจ็บลงเล่นแทน
ทรรศนะ: ทั้งสองทีมเพิ่งดวลกันเมื่อวันที่ 2 เมษายน ที่ผ่านมา ปรากฏว่า เอซี มิลาน บุกไปถล่ม นาโปลี ถึงบ้าน 4-0 แต่คาดว่าเกมนี้จะไม่เหมือนเกมนั้นอย่างแน่นอน เชื่อว่ารูปเกมอาจจะออกมาแบบตึงเครียด เล่นแบบรอจังหวะ เพราะต่างฝ่ายก็ไม่อยากเสียประตู มีโอกาสที่จะออกเสมอค่อนข้างสูง ยิ่งถ้านาโปลีไม่มี โอซิมเฮน การบุกไปเสมอในเลกแรกก็ถือว่าน่าพอใจสำหรับพวกเขา
ฟันธงลงสกอร์
เรอัล มาดริด 3-1 เชลซี
เอซี มิลาน 1-1 นาโปลี
