7 พฤษภาคม 2024
hilight-หลัก Sport Story

อย่าคิดไปเอง!เบื้องหลังเกมแมนเชสเตอร์ดาร์บี้ที่ไม่มีใครเค้าพึ่งกัน!!!

“เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พลิกเกมในครึ่งหลัง กลับมาไล่ยิง “ปีศาจแดง”แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบไม่ต้องประกอบคำรับสารภาพไปไม่ยาก 3-1

เหนือกว่าทุกกระบวนท่า ไม่ว่าจะท่ายากท่าง่าย ตั้งแต่ต้นยันจบ!!!!!

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แพ้เกมพรีเมียร์ลีกโดยที่พวกเขาขึ้นนำในช่วงพักครึ่ง เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2014

หลังจากยิงประตูสุดยอดยิ่งกว่าผีจับยัดของ มาร์คัส แรชฟอร์ด

แล้วเราก็เห็นได้ว่า เขาแทบจะไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเอาซะเลย

ครึ่งทางของครึ่งแรก แรชฟอร์ด ยิงดีแบบพิเศษใส่ไข่หลายใบ แต่หลังจากนั้น เขาทำผลงานได้แปลกประหลาด

โอกาสจะหลุดเดี่ยว ลูกบอลดันกระเด้งติดสปินไม่เป็นใจ ทำให้พลาดโอกาส จากนั้นก็มาดันยิงวืดที่เสาไกลไปอย่างน่าเสียดาย

มันเป็นระดับการเล่นที่เขาจะต้องดีกว่านี้

กระทั่งจังหวะที่ทีมเสียประตู ถือว่าน่าเขกกะโหลกอย่างมาก เมื่อไปทิ้งตัวจังหวะที่โดน ไคล์ วอล์คเกอร์ ดึงบาง ๆ จนเป็นที่มาของการเสียประตูในแอ๊คชั่นต่อมาที่สวยงามและพิเศษไม่แพ้กันของ ฟิล โฟเด้น

……ดาร์บี้แมทช์ “แมนคูเนี่ยน” น่าสนใจมาก เพราะ แมนฯยูไนเต็ด ได้ประตูนำก่อนตั้งแต่ 8 นาทีแรกแบบเซอร์ไพรส์สุด ๆ

ผีแดงพยายามวางบอลหลังไลน์แล้วได้ประตู

แรชฟอร์ด ยิงได้พิเศษมาก ๆ และสร้างความแตกต่างให้กับเกมได้ทันที

วิธีการของ เอริค เทน ฮาก ทำได้น่าสนใจในครึ่งแรก เหมือนกับแผนงานที่เจอกับ ลิเวอร์พูล นั่นคือการเล่น 4-3-3 แต่พอรับจะใช้ กาเซมิโร่ ถอนลงมาปักหลักเหมือนเซ็นเตอร์ตัวพิเศษที่คอยสอดเข้ามาตรงกลางระหว่าง จอนนี่ อีแวนส์ และราฟาเอล วาราน

ใช้ การ์นาโช่ ถอนลงมาช่วยไล่ในแดนกลางอีกคนเพื่อช่วยแพ๊คให้กับ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ และค็อบบี้ ไมนู

โดยให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ บรูโน่ เฟอร์นานเดส ใช้ยุทธวิธีสวนกลับ แต่…….

แต่เขาไม่ทำอะไรมากไปกว่าเดิมเลยในครึ่งหลัง

ทั้งที่เห็นว่า บอลมันอยู่กับ ซิตี้ ทั้งหมดแล้ว เพียงแต่จังหวะยิงของซิตี้ ทั้ง เดอ บรอยน์,​ ฮาลันด์,​ โดกู, โฟเด้น ดูร้อนรนในครึ่งแรก

ขนาด ฮาลันด์ ได้แปโล่ง ๆ ไม่ถึง 3 หลายังข้ามคาน!!!!

ซึ่งลูกนั้นมันใกล้ตัวกับคนตัวใหญ่ ถือว่าโชคร้ายที่ไม่ได้สกอร์

ซิตี้ โอกาสยิงไปถึง 17-18 ครั้ง

อังเดร โอนาน่า ก็ทำได้ดีเมื่อซูเปอร์เซฟชัดเจน 3 ดอกเห็น ๆ

อย่างไรก็ตาม เมื่อ ยูไนเต็ด ลงไปเล่นแบบเดิมทั้งหมด มันสวนทางกับเจ้าบ้าน ที่ปรับกลยุทธ์และมีวิธีการของ ซิตี้ ที่เล่นในครึ่งหลังแตกต่างจากครึ่งแรกชัดเจน

ไม่เอาบอลไปอยู่ด้านข้างมากเกินไป บีบสนามให้แคบลง แล้วเล่นดับเบิ้ลพาสต์ในแนวรุกเร็วมากยิ่งขึ้น กดจน แมนฯยู ที่ไม่เปลี่ยนแผนอะไร ยืนผิดจุดไปหลายครั้ง

บอลมันบดกระดูกมาตั้งแต่ครึ่งแรก กับโอกาสยิงมากมายบานตะไทโก้ถึง 18 ครั้ง ก่อนจะตีเสมอ 1-1 จากลูกยิงของ ฟิล โฟเด้น

ประเด็นคือ จังหวะก่อนหน้านั้น แรชฟอร์ด มีปะทะกับ วอล์คเกอร์ แล้วไม่ฟาวล์

ที่ไม่ต้องเช็กอะไรกันมาก เพราะ แรชฟอร์ด ล้มง่ายไปหน่อยนั่นเอง ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่า แกจะล้มไปทำไม

ซิตี้ เอาบอลกลับมาต้องชม โฟเด้น ที่ยิงได้สวยสดงดงามยิ่งพิเศษมากก่อนที่จะมายิงอีกประตูกำชัย

การต่อบอลง่าย ๆ เข้าไปยิงเป็นประตูที่ 78 ของ โฟเด้น แซงหน้า ดาบิด ซิลบา ตำนานทีม 1 ใน 4 รูปปั้นหน้าสนาม ตอกย้ำให้เห็นว่า ยิ่งนานไปในเกม แผลก็ยิ่งเปิด และเพื่อนบ้านผู้น่ารำคาญก็เอาชนะไปได้อีกครั้งแบบไม่ได้ฟลุ๊ค หรือว่าผิดคาดอะไรเลย

ยิ่งการเล่นของ โซฟียาน อมาราบัต แสดงให้เห็นแล้วว่า “ทำไม” หลังจากบอลโลก ไม่เห็นจะมีใครอยากได้ไปร่วมทีม

เสียบอลแบบ “สุกร-ดิเรก” แบบนั้นหน้าประตูตัวเองมันจะเหลืออะไร แล้ว ฮาลันด์ ก็สำเร็จโทษอย่างสาสมใจ ลบความโมโหสุมอกของตัวเอง

……3-1 ตอกย้ำคุณภาพของสองทีมเมืองแมนเชสเตอร์ โดยเฉพาะเมื่อ ยูไนเต็ด ต้องส่งสำรอง และดาวรุ่งลงสนาม มันสะท้อนให้เห็นชัดเจนยิ่ง

ขนาด “นักเตะชุดใหญ่” ไม่ว่าจะทีมไหนก็สู้กับ ซิตี้ ได้ยากอยู่แล้ว

ยิ่งถ้าเป็นลูกผสม,​เป็นดาวรุ่ง หรือตัวสำรอง ยิ่งงานหนักหนาสาหัส และระดับมันยิ่งจะห่าง

ยิ่งกุนซือไม่ได้แก้อะไร ใช้วิธีการเดียวคือ “ตั้งการ์ด”​และเมื่อทีมเสียประตูกำลังใจเสีย ก็ไม่ได้มีอะไรไปกว่ายืนคอย่นอยู่อย่างนั้น

ตรงข้ามกันกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ทำสถิติพรีเมียร์ลีก ชนะไปกลับเหนือ แมนฯ ยูไนเต็ด 3 ฃีซั่น

◎ 2018/19

◎ 2021/22

◉ 2023/24

ส่วนการต่อกรลุ้นแชมป์ยังคงตื่นเต้นต่อไป ซิตี้ ขยับตาม ลิเวอร์พูล เหลือ 1 คะแนน ก่อนจะเจอกันที่แอนฟิลด์ในวันอาทิตย์หน้า

จะบอกว่าตัดสินแชมป์หรือไม่นั้น ไม่รู้เหมือนกัน เพราะอย่าลืมว่าปีนี้ ม้าวิ่งกันมาถึง3ตัว

แต่เป็นการตัดไม้ข่มนาม และตัดคู่แข่งกันไปเลยก็ได้

ว่าแต่วันนี้ “ไอ้ลูกข่าง” มันลงไปทำอะไรครับพรี่!!!!!!

#บีแหลมสิงห์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *