Home hilight-หลัก เกิดอะไร?!?กับยุทธการบอลไทยตะลุยเอเชียนคัพ :บีแหลมสิงห์
hilight-หลัก Sport Story

เกิดอะไร?!?กับยุทธการบอลไทยตะลุยเอเชียนคัพ :บีแหลมสิงห์

…..เห็นหน้าค่าตา “ทัพใหญ่” ซึ่งเป็น “ทัพจริง” ของ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ชุดทำศึกเอเชียนคัพ 2023 แต่เตะในปีนี้ 2024

เราอยู่ในกลุ่ม เอฟ ร่วมกับ คีร์กีซสถาน, โอมาน และซาอุดีอาระเบีย

ไม่ได้แปลกใจกับคำวิจารณ์ต่าง ๆ นา ๆ ซึ่งเป็นธรรมดาของชีวิต

ไม่เคยมีใครทำอะไรถูกใจคนได้พร้อมกันทั้งหมด

เอาเป็นว่าเคารพการตัดสินใจของคนทำงานคนทำทีมก่อนเป็นลำดับที่หนึ่ง 

ทีนี้มาว่ากันถึงการตระเตรียมความพร้อม ก่อนจะไปทำศึกนี้

เมื่อหมดยุคโบราณของการ “เก็บตัวร่วมกัน” แบบ “ยาวนาน” เพราะระบบการจัดการฟุตบอลเปลี่ยน

ทุกวันนี้ทุกคนต้องรักษาสภาพร่างกายมากับสโมสร เพื่อเข้ามาเล่น “ตามแทคติค” ของระบบทีมชาติ

นี่คือสิ่งที่เรารู้ดีเมื่อมี “ฟีฟ่าเดย์”

แต่เมื่อนักบอลไทยรวมตัวกันตั้งแต่ก่อนปีใหม่ และไปเตะกับ ทีมชาติญี่ปุ่น ในเกมโตโยไทร์สคัพ บางคนเลิกคิ้วสงสัยไปว่า แทนที่จะอยู่ร่วมกันเพื่อเข้าสู่เอเชี่ยนคัพ ที่จะเริ่มประเดิมทัวร์นาเมนท์ในวันที่ 12 มกราคมนี้เป็นต้นไปที่ประเทศกาตาร์

มีคำถามจากทุกแคว้นแดนดินว่า เมื่อมีโอกาสดี ๆ แบบนี้ถึง 2 สัปดาห์ แล้วทำไม

ทำไมเรากลับปล่อยให้นักบอลไปพัก(ด้วยเหรอ)

ก่อนจะมารวมตัวอีกครั้งในวันที่ 7 มกราคม เพราะยัง “อุตส่าห์” มีบอลตกค้าง แถมยังเป็นบอลบิ๊กไซซ์คู่ใหญ่บึ้มอย่าง แบงค็อก ยูไนเต็ด กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

ประเด็นคือ ไม่ได้กลับมาพร้อมกัน เพราะบางคนอยู่ต่อ แถมตัวของ มาซาทาดะ อิชิอิ ก็ยังไม่กลับ และเมื่อบวกกับนักบอลทีมชาติที่ประกาศออกมา ก็มีไปรับใช้สโมสร 8 คน

ที่เหลือล่ะ….ทำไมไม่รวมตัวกัน???

หรือบินไปเก็บตัวต่อเนื่องเหมือนเกือบทั้งหมดที่มาแข่งขันเค้าทำกันในขณะนี้ ในการบินไปเก็บตัวที่ยูเออีบ้าง ตุรกีบ้าง และกาตาร์บ้างเพื่อให้คุ้นชินกับสภาพอากาศ และบรรยากาศ

ขนาด ซาอุดีอาระเบีย ยังเดินทางไปกาตาร์แล้ว ทั้งที่ประเทศอาณาเขตติดกัน!!!!

หรือจะอ้างว่า กว่าเราจะเตะต้องรอจนถึงวันที่ 16 มกราคม ที่จะสตาร์ทเกมแรกกับ คีร์กิซสถาน ก็เลยไม่ต้องรีบไป…อย่างนั้นล่ะหรือ!?!?!

การเงินมีปัญหาหรือว่าคิดไม่ได้กันแน่

ทีนี่เมื่อเรามองถึงการอุ่นแข้งก่อนที่ทัวร์นาเมนท์จะเริ่มต้นขึ้น ยังไม่มีการระบุว่า ไทยจะพบกับใคร กระทั่งมาเปิดเผยว่า จะพบกับทีมไทยชุดน้อง คือ ยู-23

เหตุผลมากมายยกมาแบบ “ไม่ต้องไปฟัง” เพราะมันเป็น “ข้ออ้าง”ทั้งนั้น

โดยเฉพาะข้อที่มีข่าวว่า จะได้ดูฟอร์มนักบอลชุดเล็กไปในตัวเผื่ออนาคต

เอาดี ๆ ตอนนี้ปัจจุบันยังทำไม่ได้เลย 

ทำไปเพื่ออะไร

ตรงกันข้ามกับคู่แข่งอย่างสิ้นเชิง

คีร์กิซสถาน วางไว้แล้วว่าจะดวลกับ ซีเรีย และเวียดนาม

ซาอุฯ วางไว้ 3 เกม แบบทางการสองนัดกับ เลบานอน กับ ฮ่องกง และไม่เป็นทางการกับ ปาเลสไตน์

โอมาน ก็นัดกับ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เอาไว้แล้ว

ในทีแรกยังเชื่อว่า และหวังว่า “จะมี” แม้จะไม่เป็นทางการก็ “จำเป็นจะต้องมี”

เนื่องจากการฝึกซ้อมเพียงอย่างเดียวไม่พอต่อการ “เข้าใจถึงแทคติค” แน่นอน

เพราะเกมที่ผ่านมากับ ญี่ปุ่น แม้ว่า อิชิอิ จะบอกว่า “เขาสั่งลุย” แต่สภาพบอลไทยที่ออกมาคือ “เกมหน้าเดียว”

นั่นคือ เล่นเกมรับอย่างอดทนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ยิ่งเราเจาะลึกลงไปว่า ก่อนเกมกับ ญี่ปุ่น เราก็ไม่ได้รวมตัวซ้อมกันเท่าไหร่นัก กับกุนซือคนใหม่ แถมศึกใหญ่หนนี้เตรียมการและเดินทางมีเวลา 9 วันก่อนลงสนาม และไม่มีแม่ทัพใหญ่อย่าง “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา กับ “เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่บาดเจ็บจนไม่มีชื่ออยู่ในทีม

น่าสนใจยิ่งกว่าเดิมเข้าไปอีกว่า การต้องต่อสู้กับทีมระดับ “ไปบอลโลก” อย่าง ซาอุดีอาระเบีย จะทำอย่างไรถึงจะทานทนได้ตลอดรอดฝั่ง หรือการเจอกับ โอมาน ที่มีโค้ชเก่งมาก ๆ อย่าง บรันโก้ อิวานโควิช เราจะรับมือกับแทคติคได้ขนาดไหน รวมถึง คีร์กิซถาน ที่ยังไงก็บอลออกแนวยุโรป

ความเข้าใจในเกม ความเข้าใจในแผน ความเข้าใจกันและกันจึงสำคัญมาก ๆ หลังจากเราเคย “ทิ้งโอกาส” ทำความเข้าใจครั้งสำคัญในการอุ่นเครื่อง 2 นัดบนแผ่นดินยุโรป กับ จอร์เจีย และเอสโตเนีย ด้วยการส่งชุดที่ “ไม่ได้ใช้” ค่อนทีม ทำให้ต่อไม่ติดในเกมเจอกับ จีน

จนเสียหายพ่ายคาบ้านประเดิมบอลโลก

จะค่อยยังดีหน่อยก็ตรงที่ “โปรแกรมเอื้อ” ให้เรามีโอกาสได้หายใจหายคอ ค่อย ๆ เจอ “เบาไปหนัก”

นั่นคือ นัดเปิดสนามวันอังคารที่ 16 พบ คีร์กีซสถาน 21.30 น. ต่อด้วยวันอาทิตย์ที่ 21 พบ โอมาน 21.30 น. และปิดท้ายวันพฤหัสบดีที่ 25 พบ ซาอุฯ 22.00 น.

เชื่อว่าในทางกลับกัน คีร์กีซ ก็คงดีใจไม่แพ้เรา ที่ได้เจอกับไทยก่อน

ไม่รู้จะยังไง แต่บอลไทยของเรา มีอะไรให้ประหลาดใจอยู่เสมอ ๆ โดยเฉพาะการจัดการ

ตัวอย่างชัด ๆ ถ้ายังจำกันได้ ในศึกเอเชี่ยนคัพ ครั้งที่แล้ว ปี 2019 ทีมชาติไทย ประเดิมสนามแพ้ยับให้กับ อินเดีย 1-4 ทำให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ออกแถลงการณ์ “เปลี่ยนม้ากลางศึก” ผ่านเว็บไซต์สมาคมฯ

สั่งปลด “ลุงรา” มิโลวาน ราเยวัช กุนซือชาวเซอร์เบีย และทีมงานบางส่วนออกจากทีมทันที!!!!!

พร้อมตั้งให้ “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย ปฏิบัติหน้าที่รักษาการคุมทีม โดยมี โชคทวี พรหมรัตน์ เป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอน

จากนั้นบอลไทยกลายเป็นมีฮึดตีตั๋วเข้ารอบได้สำเร็จ ด้วยการชนะ บาห์เรน 1-0 และเสมอ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1-1 ก่อนจะไปแพ้ จีน ของ มาร์เซโล่ ลิปปี้ อดีตกุนซือแชมป์โลกชาวอิตาเลี่ยน หวุดหวิด 1-2 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย

หัวร่อไม่ไหว จะใคร่ก็ไม่ถูกนัก

อย่าให้มันแปลกแบบนี้อีกเลย……..

#บีแหลมสิงห์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Exit mobile version