27 พฤษภาคม 2024
hilight-หลัก Speed Story Style

สิงคโปร์(กรังด์ปรีซ์)2023 ตะลุยกับ“เรดบูลล์”เปิดโลกดู“เอฟวัน”

การเดินทางทุกครั้งคือ ประสบการณ์อันล้ำค่าของชีวิต

สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสเดินทางไปยังประเทศสิงคโปร์ เป็นครั้งแรกในชีวิต เป็นครั้งแรกที่ได้ดูรถแข่งระดับโลกถึงขอบสนาม และเป็นสถานีปลายทางที่ 31 บนโลกใบนี้ที่ได้มีโอกาสสัมผัส

ไกลคือใกล้ ใกล้บางทีอาจจะไกล ผมเคยเล่าเรื่องราวการเดินทางไปตามสถานที่ต่าง ๆ มากมาย อาทิการบินไกลนับหมื่นไมล์ไปยังบราซิล หรือการเดินทางซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่เกาะมหาสมบัติอย่างอังกฤษ หรือไปยังจีนแผ่นดินใหญ่

จากการคะเนด้วยสายตา ผมคิดว่า สิงคโปร์ มีความผสมระหว่าง จีน กับ อังกฤษ น่าจะมากที่สุด และอาจจะมากกว่าที่อื่นที่เคยเห็น

มีการผสมหลายเชื้อชาติที่นี่ แต่นำโดย จีน กับ ยุโรป จากนั้นก็เรื่องของอาหารการกิน หรือจะเป็นการมีระเบียบอะไรบางอย่างที่เห็นได้ชัดเจนว่า กลิ่นอังกิ้ดอังกฤษโชยมาแต่ไกล

ผมเดินทางครั้งนี้กับ “เรดบูลล์ ไทยแลนด์” เพื่อไปชมการแข่งขันรถสูตรหนึ่ง หรือ ฟอร์มูล่า-วัน ที่มาริน่า เบย์ สตรีท เซอร์กิต สนามที่ 15 ประจำปีนี้ ที่เปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ตรงที่แข่งขันกันในเวลากลางคืน ซึ่งแตกต่างจากสนามอื่นๆ และยังมีทิวทัศน์รอบๆ ที่สวยงามมาก

ด้วยการจัดในรูปแบบ “สตรีท ไนซ์ เรซ” (Street Night Race) ตั้งแต่ปี ค.ศ.2008 ดังนั้นเมื่อได้สัมผัสกับตัวเอง จึงไม่แปลกใจเลยว่า นี่คือจุดมุ่งหมายหนึ่ง เป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญประจำปีที่หลายต่อหลายคน อยากมาสัมผัสที่นี่ด้วยตาตัวเอง

ไม่ผิดหวังกับคำว่า Singapore…King of night race!!!

แล้วก็ใส่เสื้อลิเวอร์พูล ไปดู ฟอร์มูล่า-วัน ฮ่า!!!!

๐ “จีพีดี”กระฉูดด้วยมูลค่าการเกมส์

ปกติจากคำบอกเล่า ก็พอจะทราบได้ว่า สิงคโปร์ นั้นค่าครองชีพไม่ธรรมดา อัตราแลกเปลี่ยนเงินนั้นเกือบ ๆ 27 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์

ยิ่งมีการแข่งขันระดับโลกมาที่นี่ คนระดับนับแสนจะมุ่งหน้ามาที่ดินแดนเมอร์ไลออนส์ และแน่นอนที่สุดทั้งค่าเครื่องบิน, ค่าโรงแรมที่พัก และค่ารถย่อมแพงระดับเกินคำว่า “หูฉี่”

ผมได้พักที่โรงแรมพูลแมน สิงคโปร์ ออร์ชาร์ด(Pullman Singapore Orchard) ในกลางเมือง ที่รายรอบไปด้วยห้างร้านชั้นนำมากมาย ที่สำคัญก็คือ มีการจัดร้านตามถนนออร์ชาร์ด กว่า 500 เมตรที่จำหน่ายสินค้าประจำการแข่งขัน บวกกับของที่ระลึก รวมถึงเสื้อผ้าของสิงคโปร์วางจำหน่ายกันเต็มประดามี

เสื้อผ้าของที่ระลึก ราคาต่ำสุดก็คือ 50 เหรียญ(1,350 บาท) ไปจนถึง 400 เหรียญ หรือกว่าหนึ่งหมื่นบาท มีให้เลือกมากมายทั้ง เสื้อยืด, เสื้อแข่งขัน, เสื้อเชียร์, นาฬิกา, สร้อย, หมวก และ และ และ

แน่นอนว่า สินค้าของ แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน ยอดนักขับชาวเนเธอร์แลนด์ แห่งทีมเรดบูลล์ เรซซิงเจ้าของนิยาม “คนต้องแรงกว่ารถ” แชมป์โลก 2 สมัยของขายดียังกะแจกฟรี

คนนับแสนคนเข้าสู่เมืองนี้ด้วยจุดประสงค์หนึ่งเดียว นั่นคือ ต้องมนต์เสน่ห์ของรถแข่งที่มีรูปลักษณ์ต้องตา, เทคโนโลยี และความปราดเปรียว มีความสามารถทำความเร็วเกือบ 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

การได้ดูนักขับ และทีมงานที่จะวัดฝีมือกันตลอดทั้งเส้นทาง การพลิกแผน การเลือกสูตรในการลงแข่งขัน ยังเป็นการสมรภูมิในการ “โชว์ฝีมือ” ของบริษัทผู้ผลิตจากหลากหลายค่าย ที่จะได้ “วัดฝีมือ” กัน

ฟอร์มูล่า-วัน ที่สิงคโปร์ แดนลอดช่อง(ที่แทบจะไม่มีลอดช่องขาย) แข่งขันในวันอาทิตย์ ดังนั้นการเดินทางจะราคาสูงมากในวันศุกร์ กับ วันจันทร์ พร้อมกับค่าที่พักต่าง ๆ จะพีคสุด ๆ เช่นเดียวกัน

ขณะที่ในสนามแข่งขัน ราคาสินค้าต่าง ๆ ก็กระโดดพุ่งพรวดนวดแป้งขึ้นไปอีกหลายสเตปท์ จากเดิมที่สูงอยู่แล้วก็จะพุ่งขึ้นไปอีก เพราะอย่าลืมว่า ค่าตั๋วเข้าชมหลักหมื่นบาท ค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่มก็ไม่ธรรมดา

เพื่อให้ “คุ้มที่สุด” กับอีกหนึ่งงานใหญ่ประจำปีของประเทศ

ที่โกยเงินเข้าสู่ประเทศแบบเป็นกอบเป็นกำ……..

๐ ที่สุดของเกมที่มูลค่าระดับท็อปโลก

ผมมีโอกาสพร้อมกับคณะ ได้เข้าไปชมในเบื้องลึกเบื้องหลังของสนามแข่ง ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับชีวิตการทำงาน เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมมีโอกาสได้มาดู “เอฟวัน”(ที่ไม่ใช่ เทพไชยา อุ่นหนู นักสนุกเกอร์ไทย) ถึงขอบสนาม

การได้ลุยในแพดด็อค การาจทัวร์ พร้อมกับการได้เข้าชมรอบโพลโพซิชั่น และเมน เรซ ที่แกรนด์สแตนด์

ผมค่อย ๆ เดินผ่านทีมแข่งขันตั้งแต่ทีมแรกไปจนถึงทีมสุดท้าย สองฝั่งมีความแตกต่าง นั่นก็คือ ฝั่งซ้ายเป็น Pitt Stop ของแต่ละทีม ส่วนฝั่งขวา ก็จะไปซุ้มที่พักของแต่ละทีมเช่นกัน ซึ่งเป็นการเนรมิตของเจ้าภาพ

ได้เห็นการทำงานของสื่อมวลชนระดับโลกมากมาย อาทิ ESPN, Sky sports, BBC เป็นอาทิ

ได้เข้าไปดูการทำงานแบบระยะแทบจะเผาขนของทีมงานเรดบูลล์ เรซซิ่ง หลังจากพวกเขานำรถไปลุยวันทดสอบสนาม ได้เห็นการทำงานในระดับอาชีพ ได้เห็นรถแบบใกล้ ๆ และได้จับพวงมาลัยสุดคลาสสิกของ แม็กซ์

ทีมงานของเรดบูลล์ เรซซิ่ง อธิบายในความหมายของพวงมาลัย ซึ่งเราดูแล้วอุปมาได้เหมือนกับ “จอยเกม” อันนี้แค่นี้แต่เต็มเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ

เมื่อถึงวันแข่ง สิงคโปร์ จัดวางพื้นที่ที่ใช้แข่งขัน อาจไม่ถึงขั้น “ปิดเมืองแข่ง” เหมือนกับ โมนาโก แต่แสดงให้เห็นถึงว่า “ศักยภาพ” ของประเทศในการใช้ถนนมาตรฐานเดียวกันกับรถสูตรหนึ่ง

มันเป็นอย่างไรกันบ้างล่ะ….ชาวโลก

ผู้คนมากมายแห่กันเข้าไปชมการแข่งขัน แต่ประเด็นคือ รถไม่ได้ติดอย่างที่คิดเอาไว้ แถมยังมีสถานีรถไฟฟ้าไม่ได้อยู่ห่างจากประตูทางเข้า ซึ่งทั้งสองวันที่เข้าสู่สนาม รู้สึกได้เลยว่า การเดินทางที่สะดวกสบายเพราะไม่มีมลพิษชีวิตจากรถติด มันก็ดีอย่างนี้

เมื่อเช็คเข้าไปด้านใน มีเวทีถึงสองเวทีในการแสดงคอนเสิร์ต พร้อมกับมีการจำหน่

ายของที่ระลึก มีอาหารการกิน ร้านยาธาตุนักเลง สร้างความสำราญให้กับผู้ชม แถมยังติดทะเล ทำให้คอกีฬาสามารถนั่งพักผ่อนหย่อนใจได้อย่างสบาย ๆ

เสียงเชียร์กระหึ่ม แน่นอนว่า มีแฟนทั้งยุคใหม่และเก่าเข้าชมมากมาย เสียงเฮกระหึ่มดังขึ้นเมื่อประกาศชื่อนักกีฬาและทีมแข่ง โดยเฉพาะแชมป์ 2 สมัยซ้อนอย่าง เรดบูลล์ เรซซิ่ง ซึ่งมีคุณเฉลิม อยู่วิทยา ผู้บริหารใหญ่ของทีม เดินทางมาให้กำลังใจก่อนการแข่งขันถึงในแทร็ค

เมื่อว่ากันถึงการแข่งขัน ประเด็นเรื่อง “มลภาวะทางเสียง” คงจะต้องตัดออกไปได้เลย เพราะตั้งแต่ก่อนออสตาร์ท จนถึงการตะบึงกัน 62 รอบ ตัวผมซึ่งปกติมีปัญหา(บ้าง)เรื่องการได้ยิน เนื่องจากตอนเด็กเป็นไวรัสลงหู กลับไม่มีอาหารหูดับ หรือวี๊ดข้างในตามที่เคยแอบคิดไว้แต่อย่างใดเลย

อันนี้เกิดจากการทำงานด้านเทคโนโลยี ร่วมกับของทั้งทีมขับและฝ่ายจัดการแข่งขัน เพราะมีอุปกรณ์ช่วยทำให้เสียงของรถพุ่งขึ้นด้านบน ไม่ได้กระจายออกด้านข้างมาใส่ผู้ชม

๐ “แม็กซ์”ยังนำโด่ง-“เรดบูลล์”จ่อแชมป์

การต่อกรในสนาม การ์ลอส ไซนน์ นักขับชาวสแปนิชจากเฟอร์รารี่ ซึ่งคว้าตำแหน่งโพล โพซิชั่น สามารถเข้าเส้นชัยเป็นคันแรก เวลา 1ชั่วโมง 46 นาที 37.418 วินาที ตามมาด้วย แลนโด้ นอร์ริส นักแข่งชาวอังกฤษ จากทีมแม็คลาเรน มาเป็นอันดับที่ 2 ตามหลัง 0.812 วินาที และ อันดับ 3 เซอร์ ลูอิส แฮมิลตัน แชมป์โลก 7 สมัย ชาวอังกฤษ จากทีมเมอร์เซเดส เอเอ็มจี ตามหลัง 1.269วินาที

ไซนน์ ทำให้ “ม้าลำพอง” ได้แชมป์หนแรกตั้งแต่ บริติช กรังด์ปรีซ์ เมื่อ 3 กรกฎาคมปีก่อน

เป็นการหยุดสถิติการคว้าแชมป์ติดต่อกัน 100เปอร์เซนต์ 14 สนามติดต่อกันของทีมเรดบูลล์ เรซซิ่ง ได้สำเร็จ

แม็กซ์ เวอร์สแต๊พเพ่น ที่ออกสตาร์ทอันดับที่ 11ยังเร่งเครื่องมาจบในอันดับที่ 5 ซึ่ง BBC วิเคราะห์ว่า แม็กซ์ ใช้ยางแบบแข็ง โดยตั้งเป้าที่จะวิ่งในช่วงแรกที่ยาวนานที่สุด และหวังว่าจะสามารถแซงรถที่อยู่ข้างหน้าได้ในขณะที่พวกเขาเข้าพิต

เขาไต่อันดับขึ้นมาจากอันดับที่ 11 มาเป็นอันดับที่ 8 ภายในเวลาไม่กี่รอบ ก่อนที่จะติดอยู่หลังการต่อกรกันของ เฟร์นานโด อลอนโซ่ และ เอสเตอบัน โอกง ก่อนจบที่ 5

อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่สามารถสร้างสถิติไร้พ่ายตลอดทั้งฤดูกาลได้ แต่ แม็กซ์ ยังคงนำโด่งเป็นอันดับที่ 1 ในประเภทนักขับ หลังจากกวาดแชมป์ได้ถึง 12 สนาม และได้แชมป์มา 10 สนามซ้อน ทำให้ แม็กซ์ มี 374 คะแนน

เช่นเดียวกับประเภททีมที่ เรดบูลล์ เรซซิ่ง โกยแต้มไปแล้ว 597 คะแนน โดยมี เมอร์เซเดส เอเอ็มจี ตามมาห่าง ๆ 289 คะแนน

ทางด้าน อเล็กซานเดอร์ อัลบอน อังศุสิงห์ นักแข่งขวัญใจชาวไทย จากทีมวิลเลี่ยมส์ ซึ่งออกสตาร์ตในอันดับ 14 ก่อนเข้าเส้นชัยในอันดับ 11 ตามหลัง 73.417 วินาที

๐ วิถีชีวิตในนามแห่ง“สิงคโปร์สไตล์”

เวลาเดินเร็วมาก ได้อยู่ที่นั่น 4 วัน 3 คืน แต่ด้วยการไปสนามแข่งขันช่วงเย็น และยาวไปถึงสี่ซ้าห้ามทุ่มทุกวัน ดังนั้นจึงไม่มีเวลาที่จะไปสำรวจประเทศนี้เท่าไหร่นัก

อย่างไรก็ดี ช่วงเวลาสาย ๆ ก่อนบ่ายคลายเครียด และหาอะไรรองท้องสักหน่อย หลังกลับจากสนาม รวมถึงการได้พักอยู่ใจเมืองได้เห็นภาพก็คือ สิงคโปร์ เหมาะมากสำหรับการเที่ยวแบบสั้น ๆ เหมาะสำหรับวีคเอนด์ กำลังเหมาะเจาะ

หากใครเป็นโรค “แพ้ห้าง” อย่างผม รับรองว่า ผื่นไม่ขึ้นแน่นอน เพราะห้างเพียบ สำคัญคือว่า คุณมีเงินเพียบหรือเปล่า ฮ่า!

ร้านสะดวกขายให้คนได้จ่ายได้ซื้อ ก็ไม่ได้เยอะแยะจนเลอะเทอะจนกลายเป็นระบบผูกขาดเหมือนกับบ้านเรา ระยะห่างกว่าจะถึงกันเป็นอันใช้ได้ แต่สิ่งที่มีมากกว่าก็คือ จะมีของที่ระลึกประจำท้องถิ่น อาทิ เสื้อ-กางเกงเข้าชุดลายสิงโต, แก้ว, พวงกุญแจ ขายอยู่ในนั้น

ราคาของอาหารมีแค่บางอย่างเท่านั้นที่ไม่ได้ต่างจากไทยมากนัก จัดว่าสูสีตามห้างใหญ่ ๆ แต่ถ้าวัดกันปอนด์ต่อปอนด์ ต้องยอมรับว่า ค่าครองชีพที่นี่ก็เหี้ยมเกรียมใช่ย่อย

อาทิ หลังจากวันที่แข่งจริง ออกมาหาข้าวกินเพราะใช้พลังงานไปเยอะ ปรากฏว่า ร้านที่เปิดอยู่ไม่มาก เป็นร้านอาหารไทย ผมสั่งผัดกะเพราไก่ไม่เอาไข่ดาว บวกน้ำอัดลมหนึ่งกระป๋อง รวมแล้วเฉียด ๆ 20 เหรียญ ก็กว่า 500 บาทแล้ว!

แต่ค่ารถไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักในการเดินทาง ถือว่าราคาค่อนข้างดีมาก ๆ ไม่ได้แพงอย่างที่คาดคิดเอาไว้ ผมได้ใช้บริการไป 6 รอบ

มีข้อสังเกตุอยู่อีกเรื่องก็คือ คนไทยมักจะไม่ถนัด หรือไม่สะดวกกับการดื่มน้ำจากก๊อก จากการใช้ชีวิตประจำวันของประเทศเรา

ซึ่งในต่างประเทศ “น้ำดื่ม” หลายที่จะราคาแพงกว่าเบียร์ แพงกว่าเครื่องดื่มบำรุงกำลัง หรือแพงกว่าน้ำอัดลม แต่คนไทยก็พร้อมที่จะซื้อ

ห้องพักต่าง ๆ ปกติได้นำวันละสองขวด แต่มีการปรับโฉมอาจะนำร่องจากโรงแรม เมื่อวางเป็น “ขวดแก้ว” และไม่มีการเปลี่ยนขวด ให้ผู้พักได้กรอกเอง

โดยปกติ น้ำดื่มจะมีสองฝั่งคือ “สีน้ำเงิน” กับ “สีแดง” โดยปกติแล้ว สีน้ำเงินดื่มได้ทันที ในยุโรป กับ ญี่ปุ่น ซึ่ง สิงคโปร์ก็เช่นกัน

แต่ที่พักผมมี “ก๊อกพิเศษ” เป็นน้ำกรองพิเศษ เพิ่มมาเพื่อให้ผู้พักสามารถดื่มได้ที่นี่ได้ทันที

ส่วนก๊อกสีแดงเป็นที่รู้กันว่า ร้อนจริงแต่กินไม่ได้

ย้อนกลับไปที่ท้องถนนก็สามารถย้อนกลับไปในบรรทัดต้น ๆ ได้ ก็เพราะว่า สามารถใช้จัดแข่งรถสูตรหนึ่งได้ ย่อมแสดงให้เห็นมาตรฐาน

ที่นี่สามารถทำถนนสะท้อนให้เห็นถึง “ความเท่าเทียม” ได้อย่างชัดเจนที่สุด และอำนวยความสะดวกให้กับผู้ต้องใช้รถเข็นในการสัญจรไปมา

ประเด็นคือ ก่อนหน้านี้ช่วงที่มีปรีซีซั่นที่นี่ มีการเปรียบเทียบสนามแข่งขันกีฬา ทำไม สิงคโปร์ ทำได้ แต่ทำไมไทยเราถึงทำไม่ได้

อันนี้ไม่แปลกเลยเมื่อถ้าเราทำใจเป็นกลาง การวางผังเมืองของสองประเทศนี้ มากันคนละทิศคนละทาง ที่สำคัญที่สุดคือ พื้นที่ของประเทศไทย ใหญ่โตกว่าหลายเท่านัก การจะปรับปรุงแบบพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินมันไม่ได้ง่ายหรอก หากได้เห็นความสับสนและความซับซ้อนซ่อนเงื่อนเพื่อนยังมีปมทางการเมืองของประเทศนี้

ห็นความสับสนและความซับซ้อนซ่อนเงื่อนเพื่อนยังมีปมทางการเมืองของประเทศนี้

แต่เราสามารถค่อย ๆ ทำได้ ด้วยการขยับตีกรอบพัฒนากันแบบจริง ๆ จัง ๆ ไม่เน้นทำงานแบบสร้างคอนเทนท์ หรือทำงานแบบเกรงใจคะแนนเสียงไปซะหมด

อย่างน้อยก็ร่วมกันขับรถไม่ย้อนศร เพราะตลอด 3 คืนผมอยู่ที่นี่ ต้องบอกว่า “ไม่มีเลย”

บนบาทวิถีก็ไม่เหมือนกัน

เมื่อการเมืองยังเริ่มไม่ได้ หรืออาจจะยังไม่คิดจะเริ่ม เพราะเรื่องของเก้าอี้ดนตรี

ก็ต้องเริ่มต้นจากพวกเรานี่แหล่ะครับ

                                                        บี แหลมสิงห์

                                                        Made in Singapore

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *