19 พฤษภาคม 2024
Sport Story

#TheVoteSeries นายกลูกหนังไทยคนใหม่กับตัวอย่างผู้นำลูกหนังโลก

            ตัวอย่างของการ “เป็นผู้นำ” ขององค์กรกีฬาระดับโลก ในวงการฟุตบอลที่ผ่านมา ถือว่าแต่ละคนน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วิธีทำวิธีการนั้นจะต้องทำได้ทำจริง และได้ทำจริง ไม่มีการถูกเตะตัดขาตลอดเส้นทางระหว่างเดิน ขอยกตัวอย่างให้เข้ากับบรรยากาศการเตรียมเข้าสู่เลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยกันสักหน่อย

            เริ่มจาก ประธานฟีฟ่า จานนี อินฟานติโน

ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า เริ่มต้นทำงานเป็น “เลขาธิการ” ของศูนย์ระหว่างประเทศเพื่อการศึกษาการกีฬา (CIES) ที่มหาวิทยาลัยเนอชาแตล สวิตเซอร์แลนด์ เริ่มงานกับยูฟ่า ในเดือนสิงหาคม 2000 และได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมายและใบอนุญาตสโมสรของยูฟ่าในเดือนมกราคม 2004

เขาได้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการยูฟ่าในปี 2007และเลขาธิการยูฟ่าในเดือนตุลาคม 2009

ในช่วงเวลาที่เขาอยู่ที่นั่น ได้แนะนำระบบ Financial Fair Play และปรับปรุงวิธีการสนับสนุนการตลาด เล็งเห็นผลประโยชน์กับสมาคมทีมชาติขนาดเล็ก เพราะทุกชาติมีสิทธิ์มีเสียงเท่ากันต้องเท่าเทียม

เขาดูแลการเพิ่มทีมในรอบสุดท้ายยูโร 2016 เป็น 24 ทีม และมีบทบาทในการกำหนดยูฟ่าเนชั่นส์ลีกและยูโร โรแมนซ์ 2020

อินฟานติโน เป็นสมาชิกคณะกรรมการปฏิรูปของฟีฟ่า เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2015 และเขาได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการบริหารของยูฟ่าให้ดำรงตำแหน่งประธานในการประชุมวิสามัญสภาฟีฟ่าประจำปี 2016 ในวันเดียวกันนั้น เขายืนยันการสมัครรับเลือกตั้งประธานฟีฟ่าคนใหม่ แทนที่ เซปป์ แบล็ตเตอร์ เขาสัญญาว่าจะเพิ่มทีมฟุตบอลโลกเป็น 40 ทีมให้ได้นอนาคต

น่าสนใจว่า คนที่แข่งขันด้วย แต่ละคนนั้น มีดีกรีมากกว่าเขาทั้งสิ้น เจ้าชาย อาลี บิน อัล ฮุสเซน นายกสมาคมฟุตบอลแห่งจอร์แดน และอดีตรองประธานฟีฟ่า, ชีก ซัลมาน บิน อิบราฮิม อัล คาลิฟา ประธานสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (เอเอฟซี), เฌอโรม แชมเปญ อดีตบอร์ดบริหารฟีฟ่า และอดีตนักการทูตชาวฝรั่งเศส โตเกียว เซ็กซ์เวล นักธุรกิจชาวแอฟริกาใต้ อดีตนักการเมือง

จานนี่ อินฟานติโน่ ในฐานะเลขาธิการยูฟ่าในตอนนั้น ต้องผ่านการโหวตรอบที่ 2 ที่ทำการเลือกเพียงแค่ 3 คนเท่านั้น และผู้ชนะจะต้องมีคะแนนมากกว่ากึ่งหนึ่ง ของผู้ลงทะแนนทั้งหมด (104 คะแนน)

ผลคะแนนออกมา จานนี่ อินฟานติโน่ 115 คะแนน ชนะขาด ชีค ซัลมาน บิน อิบราฮิม อัล คาลิฟา ที่ได้ 88 คะแนน และเจ้าชาย อาลี บิน อัล ฮุสเซน ได้ไป 4 คะแนน

หลังจากทำงาน ว่ากันว่า อินฟานติโน่ มีแบ๊กอัพอันยอดเยี่ยมมาก และเขาเป็น “คนใน” เข้าใจปัญหา เขารู้จักกับนักการเมืองมากมาย และสามารถ “ประสานสิบทิศ” ได้อย่างมีนัยยะ ด้วยการ “ใช้ตำแหน่ง” ในทางที่ถูก

นั่นหมายว่า เขาสามารถมัดรวมตัวแทนอันแข็งขันของทวีปใหญ่ ๆ ได้อย่างมีมิติยิ่ง

ตัวอย่างคนต่อมาคือ ประธานยูฟ่า อเล็กซานเดอร์ เซเฟริน

ประธานสมาคมฟุตบอลสโลวีเนียวัย 48 ปี เข้ามารับหน้าที่ต่อจาก “นโปเลียนลูกหนัง” มิเชล พลาตินี่ ที่หลุดโผผู้บริหารไปในช่วงเวลาเดียวกันกับ แบล็ตเตอร์ เนื่องจากเรื่องทุจริต เป็นที่น่าสนใจคือ ข้อมูลเบื้องต้นก่อนการเลือกตั้งนั้นมีน้อยมาก น้อยจนไม่อยู่ในความสนใจของสื่อกระแสหลักมาก่อนเลย

แต่ในชัยชนะที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด 42 ต่อ 13 คะแนนเหนือตัวเต็งอย่าง ไมเคิล ฟาน ปร้าก ประธานสมาคมฟุตบอลเนเธอร์แลนด์ ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานฟีฟ่า เป็นการส่ง “สัญญาณ” ที่น่าสนใจ และน่าค้นหาเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากแนวคิดและวิธีการพร้อมกับเป็นคนที่เด็ดขาด

ภาพที่ปรากฎก็คือ เซเฟริน เป็น “ตัวแทน” ของชาติสมาชิกยูฟ่า ที่มาจากประเทศขนาดเล็กและประเทศขนาดกลาง ซึ่งตรงนี้คล้ายกับ อินฟานติโน่

พอชาติใหญ่ ๆ ได้รับรู้ถึงบุคลิก และวิธีการทำงานที่มีแบบแผนชัดเจน ทำให้ได้รับการสนับสนุนจากชาติที่ใหญ่ขึ้นอย่าง อิตาลี, ฝรั่งเศส, เยอรมนี และรัสเซีย ซึ่ง เซเฟริน ระบุชัดว่า ตามบัญญัติของการเลือกตั้ง

“ทุกเสียง” มีค่าเท่ากันไม่ว่าชาตินั้นจะใหญ่หรืออะไรก็ตาม

เซเฟริน เป็น “นักกฎหมาย” จากบริษัทกฎหมายระดับชั้นนำของสโลวีเนีย และเพิ่งจะเริ่มต้นเข้ามาทำงานในวงการฟุตบอลในปี 2011 จากการได้รับเลือกให้เป็นประธานสมาคมฟุตบอลสโลวีเนีย

เพียงแค่ 5 ปีต่อมากลายเป็นประธานยูฟ่า

เซเฟริน เป็นผู้นำลูกหนังยุโรปคนที่ 7 ของยูฟ่า และเป็นประธานที่มีอายุน้อยที่สุดด้วย ได้ยืนยันว่า การพังทลายของกลุ่มอำนาจเก่าทั้งในฟีฟ่าและยูฟ่าเอง

“คำพูดของเหล่า “นักการเมืองลูกหนัง” มันเชื่อไม่ได้ และจบลงแทบจะทันที เราต้องหยุดเรื่องของการเมืองเอาไว้ที่แนวคิด, การขาดความโปร่งใสในการบริหารต้องหยุด, ผลประโยชน์ส่วนตัวต้องหยุด ตอนนี้เราต้องทำเพื่อเกมฟุตบอลเป็นอย่างแรก”

ปณิธานจุดนี้ ว่ากันว่าเป็นการเอาชนะใจของชาติสมาชิก

ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แวร์ ๆ อีส สะ แวร์ๆ ขอแถมอีกหนึ่งตัวอย่าง ผมขอยกไปที่ประธานโอลิมปิกสากล คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) เทคะแนนเสียงให้ โธมัส บาค ชาวเยอรมนี ชนะโหวตเลือกตั้งตำแหน่งประธาน ในการประชุม ที่กรุงบูโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ปี 2013

โธมัส บาค ได้รับคัดเลือกให้เป็นประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) คนใหม่ ต่อจาก ฌักส์ ร็อกก์ หลังจากชนะการโหวตลงคะแนนในการประชุมใหญ่ ครั้งที่ 125 โดย บาค เป็นอดีตนักกีฬาฟันดาบเหรียญทองโอลิมปิก ที่มอนทรีอัล ปี 1976 ได้คะแนนเสียงเอาชนะคู่ต่อสู้อีก 5 คน อย่าง ริชาร์ด การ์ริออน จากเปอร์โตริโก, อึ้ง เซอร์ เหมียง จากสิงคโปร์, เดนิส ออสวัลด์ จากสวิตเซอร์แลนด์, อู๋ จิง-กั๊ว จากไต้หวัน และ เซอร์เก บุ๊บก้า จากยูเครน ในการโหวตสองรอบ

เวลานั้น บาค วัย 59 ปี ดำรงตำแหน่งประธานไอโอซีคนที่ 9 ในประวัติศาสตร์ 119 ปีขององค์กร โดยประสบการณ์ที่ผ่านมา เขาเริ่มทำงานในไอโอซี มาตั้งแต่ปี 1991

อันนี้ถือว่า คูณสองเพราะเป็น “คนใน” อีกทั้งเป็น “อดีตนักกีฬา” จึงดูเหมือนว่า เข้าอกเข้าใจในปัญหาของระบบบริหารด้านนี้

บาค ดำรงตำแหน่งสำคัญต่างๆ รวมถึงรองประธานไอโอซี 3 สมัย และคณะกรรมการด้านกฎหมาย ก่อนจะได้แทนที่ ร็อกก์ ซึ่งลงจากตำแหน่ง ทีแรกมีเครื่องหมายคำถามมากมาย กระทั่ง บาค พิสูจน์ฝีมือ หลังจากต้องเจอกับกระแสกดดันจากทั่วโลก ที่ต้องการให้เลื่อนหรือยกเลิกการแข่งขันโอลิมปิกเกมส 2020 ออกไป เพราะการระบาดใหญ่ของไวรัส

แต่ประธานไอโอซีก็คือผู้ที่ยืนยันว่าการแข่งขันจะต้องเดินหน้าต่อให้ได้ เพื่อไม่ให้นักกีฬาที่เตรียมตัวกันมาอย่างยาวนานต้องเสียกำลังใจ และอยากให้ทุกคนต่อสู้กับโรคนี้เพื่อให้โลกนี้เข้มแข็ง

และถึงวันนี้ถึงกับว่าจะ “แก้กฎ” เพื่อให้ บาค ได้อยู่ต่อ เนื่องจาก สมาชิกมั่นใจว่า “บิ๊กบาค” เข้าใจทุกปัญหาอย่างแท้จริง

ทั้งหมดคือตัวอย่างของนักบริหาร และเส้นทางที่น่าสนใจในความคิด โดยเฉพาะเมื่อเคาะออกมาผมว่าให้จะ ๆ เลย 3 ข้อ

1.เข้าใจปัญหาที่แท้จริง

2.หนึ่งเสียงของมนุษย์ต้องเท่ากัน

3.เป้าหมายต้องไม่ใช่แค่เพ้อฝัน…แลทำได้จริง

….ที่ผ่านมา การเลือกตั้งสมาคมกีฬาในประเทศไทย ยังคงเหมือนเดิม นั่นคือ ประชาชนคนอย่างเราท่าน จะไม่มีสิทธิ์เลือกตั้ง

            ก็ได้แต่หวังว่า “อำนาจมืด” ที่ชอบเอา “เอาการเมืองมาอ้าง เอาหลังบ้านมาบีบ” จะเลิกกันไปได้ซะที เพราะตัวอย่าง “บางสมาคม” ก็เห็น ๆ อยู่ว่า อยากเป็นจนตัวสั่น

            สุดท้ายบริหารไม่ได้ งานระดับประเทศ งานระดับโลกล้มหายไปจากสารบบ

            อยากมีอำนาจ แต่ไร้บารมี และไร้ซึ่งฝีมือ แค่คอนเนคชั่นทางการเมืองดี อันนี้พอเถอะ ใช้ไม่ได้ และเลิกใช้มันซะที

            คนไทยมีความฉลาดพอ ทานข้าวเป็นอาหารครับ และรู้ว่า พวกคุณทำอะไรกันอยู่ โดยแอบอยู่ข้างหลังของ “กีฬา”

            พอซะทีดีกว่า ไม่ไหวอย่าบอกไหว

            พวกเราคนไทยก็แค่อยากเห็นกีฬาไทยได้ไปต่อครับ….แค่นั้นจริง ๆ

บี แหลมสิงห์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *