28 พฤษภาคม 2024
hilight-หลัก Sport Story

ด่านสุดท้าย“ยูโรเปี้ยนทัวร์2023”สวมใจเพชรเตะ“เอสโตเนีย”

ด่านสุดท้าย ด่านต่อไปของทัพลูกหนังไทย นั่นคือดวลแข้งกับ ทีมชาติเอสโตเนีย ในวันอังคารนี้ เวลา 23.00 น.

เอสโตเนีย หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐเอสโตเนีย มีประชากรไม่ถึง 1.4 ล้านคน(ผลสำรวจปี 2021)

นับเป็นชาติที่มีประชากรน้อยที่สุดในประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรป ในพื้นที่ 45,227 ตารางกิโลเมตร (17,462 ตารางไมล์) เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต(เดิม)

เป็นรัฐอธิปไตยในภูมิภาคบอลติก ในถิ่นยุโรปเหนือ มีอาณาเขตทางทิศเหนือติดกับอ่าวฟินแลนด์ ทิศตะวันตกติดกับทะเลบอลติก มีพรมแดนทางทิศใต้ติดกับประเทศลัตเวีย และทางทิศตะวันออกติดกับประเทศรัสเซีย

น่าสนใจก็คือ เอสโตเนีย ยังเป็นประเทศแรกในโลก ที่ประชากรส่วนใหญ่ใช้บริการขนส่งสาธารณะฟรีทั้งประเทศ เอสโตเนียจึงไม่มีปัญหารถติด และปัญหามลพิษทางอากาศ

อย่างไรก็ตาม ที่นี่เป็นประเทศเศรษฐกิจดิจิทัล และสังคมแห่งข้อมูล ที่มีความก้าวหน้ามากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

๐ นักบอลในตำนานและผ่านตา

เอสโตเนีย ไม่ได้มีชื่อเสียงด้านเชิงลูกหนังมากนัก เมื่อ 99 ปีก่อนเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ผ่านเข้าสู่การแข่งขันในระดับใหญ่ นั่นคือ โอลิมปิกเกมส์ ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

              พวกเขาลงเตะไปนัดเดียว และพ่ายให้กับ สหรัฐอเมริกา 0-1 ไม่ผ่านเข้ารอบต่อไป

              ขณะที่ บอลโลก กับ บอลยูโร อยู่ไกลเกินเอื้อมทั้งสมัยยังไม่เข้าร่วมกับสหภาพโซเวียต หรือได้เอกราชหลังการล่มสลายของ USSR เมื่อปี 1991

              เอสโตเนีย ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม “เนชันส์ ลีก”ในลีก C มาโดยตลอด ตั้งแต่ปี 2018 กระทั่งตกชั้นลงมาอยู่ในลีก D เมื่อปี 2022 แต่ใช้เวลาแค่ปีเดียวกลับมาอยู่ในลีก C ได้สำเร็จ เริ่มนับตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป

              นักเตะของพวกเขา ถ้าหากนับตามสถิตินั้น มาร์ติน ไรม์ ติดทีมชาติเอาไว้มากที่สุด 157 นัด ตั้งแต่ปี 1992 หรือชุดแรกของประเทศที่ได้รับเอกราช จนถึงปี 2009 ตามด้วย คอนสแตนติน วาสซิลเยฟ 153 นัด ในวัย 39 ปี ซึ่งปัจจุบันยังลงสนามให้กับทีมชาตอยู่เลย!!!

              ขณะที่ดาวยิงสูงสุดของประเทศคือ อันเดรส โอเปอร์ ลงสนามไป 134 นัด ยิงได้ 38 ประตู ตั้งแต่ปี 1995-2014

              หากจะนับนักบอลที่โด่งดังของ เอสโตเนีย แทบจะ “นับตัวนับหัวได้”

              คนแรกคือ มาร์ท พูม นายประตูที่มาเล่นในพรีเมียร์ลีกยุคแรก โดยเขามาอยู่กับ พอร์ทสมัธ ตั้งแต่ปี 2004 แต่มาดังเพราะเฝ้าเสาให้กับ “ไอ้หัวแกะ” ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ปี 1997-2003

              พูม หากินอยู่ในอังกฤษต่อเนื่องทั้งกับ ซันเดอร์แลนด์, อาร์เซนอล และวัตฟอร์ด ก่อนจะแขวนถุงมือไปเมื่อปี 2009 เรียกว่าอยู่ในอังกฤษแทบจะครบทั้งเหนือกลางอีสานใต้

              น่าสนใจก็คือ มาร์คัส พูม กองกลางชุดนี้ของทีม เป็นลูกชายของ มาร์ท อีกด้วย!!!!

              อีกคนคือ “น้าหงา” รักนาร์ คลาวาน ปราการหลังจากวิลจานดี้ ที่มาอยู่กับ ลิเวอร์พูล 2 ซีซั่น พร้อมกับเคยอยู่กับ กายารี่ และเอากส์บวร์ก โดยปัจจุบัน น้ายังลงสนามอยู่กับ เจเค ทาลินญ่า คาเลฟ ด้วยวัย 37 ปี

๐ ผลงานล่าสุดเลือดไม่หยุดไหล

ในบอลยูโร ครั้งที่ 17 หรือ “ยูโร2024” เอสโตเนีย ถูกจับสลากอยู่ในกลุ่ม F เจอของแข็งทั้ง เบลเยี่ยม, ออสเตรีย และสวีเดน ซึ่งเป็นทีมสลับสับเปลี่ยมหมุนเวียนสู่รอบสุดท้ายแข้งระดับโลก โดยเฉพาะ เบลเยี่ยม ที่เกือบเข้าชิงแชมป์โลก ปี 2018 ด้วยซ้ำไป แถมท้ายด้วย อาเซอร์ไบจาน จึงไม่แปลกที่ เอสโตเนีย จะได้แค่คะแนนเดียวเท่านั้นหลังจากเตะไป 6 เกม

              ผลงานถือว่าออกสตาร์ทได้น่าพอใจ เมื่อบุกไปแพ้ ออสเตรีย หวุดหวิด 1-2 แบบออกนำก่อนด้วยซ้ำ และบุกไปนำก่อนจะเสมอกับ อาเซอร์ไบจาน 1-1

              หลังจากนั้นพวกเขากู่ไม่กลับเมื่อโดน เบลเยี่ยม บุกมาทุบถึงถิ่น 0-3 และแตกยับให้กับ สวีเดน 0-5 แล้วก็ไปโดน เบลเยี่ยม ถลุงที่คิง โบดวง กรุงบรัสเซลล์ 0-5 ล่าสุดก็แพ้ อาเซอร์ไบจาน ในถิ่นตัวเอง ที่กรุงทาลลินน์  0-2 อยู่ในอันดับสุดท้ายของตาราง

              พวกเขาไม่ชนะใคร จาก 7 เกมหลังสุด และแพ้ไปถึง 6 นัด ถ้าย้อนกลับไปในปฏิทินปีนี้คือชนะเกมเดียวเท่านั้นในการดวลกับ ฟินแลนด์ ในเกมอุ่นแข้งที่โปรตุเกส 1-0

๐ เปิดขุมกำลังชุดปัจจุบันยังไร้สตาร์

ทีมปัจจุบันคุมทัพโดย โตมาส์ ฮาเบอร์ลี่ กุนซือวัย 49 ปีชาวสวิตเซอร์แลนด์ เคยติดทีมชาตินาฬิกา 1 ครั้ง ก่อนจะผันตัวเองคุมทีมตั้งแต่ปี 2009 และรับงานที่นี่มาตั้งแต่ปี 2021

              นักเตะชุดนี้อาจจะไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังมากนัก แต่เล่นอยู่นอกบ้านบานตะไท เกินครึ่งทีมที่เรียกมา มีค้าแข้งตามแผ่นดินยุโรป 14 คน และเอเชีย 1 คนด้วยกัน

              ไล่เรียงจากด่านสุดท้าย คาร์ล ยาค็อป ไฮน์ วัย 21 ปี อยู่กับ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล และปีก่อนประเดิมชุดใหญ่ไปแล้วในเกมลีกคัพ  

              แมทเธียส คาอิค กองกลาง วัย 25 ปี อดีตนักบอลอะคาเดมี่ของ ฟูแล่ม ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ โบโด/กลิมต์ และตอนนี้ไปอยู่เป็นตัวหลักกับ ราปิด บูคาเรสต์ แห่งโรมาเนีย ติดทีมชาติไปแล้ว 52 เกม

              มาร์ติน เว็ตคาล ดาวรุ่งดวงใหม่วัย 19 ปี จาก “หมาป่า” อาแอส โรม่า ถูกเรียกเข้ามาเสริมทัพชุดนี้ หลังจากลงเล่นและเป็นแชมป์กับ “หมาป่า” ในลีกยู-19

              สำคัญก็คือจอมเก๋าอย่าง วาสซิลเยฟ ในวัย 39 ปี กับประสบการณ์ 13 สโมสร และยิง 26 ประตูจาก 154 นัดในการรับใช้ชาติ เกมล่าสุดที่ทีมลงสู้กับ อาเซอร์ไบจาน นั้น วาสซิลเยฟ ก็เป็นกะปิตันนำทีม

              ส่วนแนวรุก เซอร์เก เซนยอฟ จอมเก๋าวัย 34 ปี ติดทีมชาติ 107 นัด ยิงไป 17 ประตู เคยเล่นกับ แบล็คพูล ในอังกฤษ เป็นหน้าที่ช่วยดูแลน้อง ๆ มากกว่า เพราะทีมใช้คนคุ้นเคยแฟนบอลไทยอย่าง เฮนรี่ อานิเยร์ ดาวเตะมากประสบการณ์วัย 32 ปี ที่เคยมาเล่นกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด 2 ปี ลงสนาม

              อานิเยร์ เล่นมาแล้วถึง 18 สโมสร ปัจจุบันอยู่กับ หลี่ หมั่ง สโมสรของฮ่องกง

๐ ยกสุดท้ายบอลไทย”ยูโรเปี้ยนทัวร์”

              ทีมชาติไทย ถือว่าวิกฤติอย่างมาก แต่ไม่มีอะไรจะหนักหนาไปกว่า “วิกฤติศรัทธา” อีกแล้ว

              ไม่มีใครจะสามารถห้ามความรู้สึกใครได้ หลังจากแพ้เละเทะให้กับ จอร์เจีย 0-8 นับเป็นสถิติใหม่แห่งชัยชนะของประเทศจอร์เจีย

              ประเด็นก็คือ หากเราดูเฉพาะ “ผลการแข่งขัน” แฟนฟุตบอลหรือคนไทยที่ไม่ได้ติดตามเรื่องราวอะไรเท่าไหร่นัก ก็จะตกใจและไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เป้าหมายจึงไปตกอยู่ที่ทีม, โค้ช และนักเตะ

              แต่ถ้าคนที่ตามแบบต่อเนื่อง หรือเป็นแฟนคลับ ก็จะเข้าใจและโกรธจัดกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับฟุตบอลไทย ที่เหมือนกับทุกอย่างมันทับซ้อนไปซะหมด

              ทับซ้อนจนกลายเป็นแผลปริที่ถูกจากการกดทับ

              จะอย่างไ รก็แล้วแต่ นักบอลจะต้องมูฟออนให้ได้ และการเจอกับ เอสโตเนีย แม้จะไม่ง่าย แต่ยังไงก็ยังคงเบากว่าการดวลกับ จอร์เจีย

              ว่ากันในเชิงแทคติคฟุตบอล “นักบอลตัวใหญ่” หรือแผนการ “กองหลังสาม” อาจจะไม่เหมาะสมกับสไตล์การเล่นที่เป็น “บอลชายเดี่ยว” หรือประเภท “ศิลปินฟุตบอล” ที่เรา “อ่านพลาด” ในเกมกับ จอร์เจีย ทำให้อาจจะต้อง “คิดใหม่” ในเกมนี้ในลักษณะบอลออกข้างที่มี “วิงแบ๊ก” ที่เติมแบบไม่มีหมด และมี “ปีกอินเวิร์ต” พร้อมกับ หน้าเป้าคล่อง ๆ

              สไตล์และแพลนเกมของ เอสโตเนีย คล้ายกับ จอร์เจีย แต่อย่างที่บอกไปว่าทีมชุดนี้สตาร์น้อย แต่วิธีการเล่นนั้นก็ไม่บรรเบา ผ่านบอลระดับหิน ๆ ของยุโรปมาต่อเนื่อง

              หรือจะบอกว่า “เจอของจริง” มาโดยตลอด

              ก็นั่นแหล่ะ ทวีปนี้ได้สิทธิ์ไปบอลโลกมากที่สุด หาใช่ชาติสมาชิกเยอะเพียงอย่างเดียว แต่เพราะระดับฟุตบอลที่ดี

              ทีนี้ถึงประเด็นที่ดังในทางลบมาตลอด 3-4 วันมานี้ เมื่อมองย้อนกลับมาเรื่องของระบบการบริหารจัดการก็พังยับจนโดนถล่มยิ่งกว่าโจ๊กโดนระเบิด ทั้งการที่ สมาคมฯไม่ทักท้วงสโมสรในการไม่ปล่อยตัวมาเล่นทีมชาติ ทั้งที่แมทช์ได้ถูกกำหนดเอาไว้ตั้งแต่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รวมไปถึงการที่ไม่เตรียมงานให้พร้อมจนถูกมองหลากประเด็น

ไม่ให้เกียรติแฟนบอล, ไม่ให้เกียรติคนไทย, ไม่ให้เกียรติจอร์เจีย และเอสโตเนีย

              ที่สำคัญก็คือ ไม่ให้เกียรติตัวเองเลย…….

              ถ้าไม่พร้อมจริง ๆ ก็ขอยกเลิกและหนึ่งในนโยบายที่ นิชิโนะ เคยระบุเอาไว้ว่า ถ้าไม่ไปเตะที่ไหนด้วยเหตุอะไรก็ตาม จะต้องจัดเล่น “มินิแคมป์” เพื่อให้ได้นักบอลที่ดีที่สุด มาอยู่ร่วมกันอย่างน้อยก็เตะกันเอง เพื่อให้ทุกคนเข้าใจในแผน ละลายพฤติกรรม และทำความรู้จัก ยังจะดีซะกว่า

              ถูกด่าแน่นอน แต่ไม่ใช่โดนแบบอัปยศอดสูเหมือนในครั้งนี้

              ขณะที่นักฟุตบอล รวมไปถึง มาโน่ โพลกิ้ง หรือสต๊าฟฟ์ ก็ทำให้หน้าที่ให้ดีที่สุด และ “ไม่มีอะไรต้องเสีย” อาจจะใช้คำนี้ก็ได้ แต่เพื่อไม่ให้ “เกิดแผลในใจ” ให้กับทุกฝ่ายมากกว่านี้

              อยากเห็นนักเตะรวมใจกันสู้ เท่าที่มีตอนนี้เท่าไหร่ก็ต้องสู้ เพราะรู้ว่าทุกคนชุดนี้สู้เพื่อชาติอย่างแท้จริง

              ดีกว่าคนขลาดที่บอกรักผ่านแค่ลมปากเพียงอย่างเดียว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *