ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน 2023 มีลงทำการแข่งขัน 5 คู่ด้วยการแบ่งเป็น 2 เวลา 20.00น. และ22.30น. เวลากำลังดีแฟนบอลไม่ต้องอดหลับอดนอน ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะออกไปเยือน “เจ้าสัวน้อย” ฟูแล่ม 3 คะแนนในเกมนี้จะทำให้พวกเขาแซง “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงทันที และยังมีเกมในมือมากกว่าอีก 1 นัด
20.00น. ฟูแล่ม – แมนฯซิตี้
เจ้าถิ่น ฟูแล่ม รั้งอันดับ 10 ของตารางสถานการณ์ค่อนข้างลอยตัวมีอยู่ 45 คะแนน ไม่ต้องไปดิ้นรนหนีตกชั้นแล้ว ทีมของ มาร์โก ซิลวา เริ่มเรียกความมั่นใจกลับมา แม้ว่านัดล่าสุดจะออกไปพ่าย แอสตัน วิลล่า 0-1 ก็ตาม เกมนี้ยังคงหมดสิทธิ์ใช้งาน อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช หัวหอกร่างโย่งที่ติดโทษแบนจากการไปผลักผู้ตัดสินในเกมเอฟเอ คัพ ที่พบกับ แมนฯยูไนเต็ด ส่วนตัวริมเส้นอย่าง แฮร์รี่ วิลสัน และวิลเลี่ยน ต้องรอทดสอบความฟิต นอกนั้นอยู่กันครบ
เจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่กำลังเล่นได้อย่างมั่นใจ เจอใครก็ปราบได้หมด ล่าสุดไล่ถล่ม “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล มา 4-1 ทีมของ เป๊บ กวาร์ดิโอล่า ไม่มี นาธาน อาเก้ แนวรับชาวดัตช์เพียงรายเดียวเท่านั้น ทีมค่อนข้างสมบูรณ์สุด ๆ และเชื่อว่าไม่มีความจำเป็นต้องโรเตชั่นทีม เพราะชัยชนะในเกมนี้หมายถึงการขึ้นไปรั้งจ่าฝูง คาดว่าจะเล่น 4-2-3-1 ตามเดิม แต่ในเนื้อเกมจะปรับไปเล่นแบ็คทรีขยับเอา จอห์น สโตนส์ ขึ้นมายืนมิดฟิลด์คอยออกบอลร่วมกับ โรดรี้ แนวรุกน่ากลัวสุด ๆ มีทั้ง ริยาด มาห์เรซ, เควิน เดอ บรอยน์, อิลคาย กุนโดกัน, แจ็ค กรีลิช และเออร์ลิ่ง เบร้าท์ ฮาลันด์
ทรรศนะ: ฟูแล่ม ยวบลงไปเยอะ โดยเฉพาะแนวรับที่ถือว่าเป็นจุดอ่อน เจอกับ แมนฯซิตี้ ที่อาวุธในการเข้าทำหลากหลายรับยังไงก็หัวหมุน บวกกับแรงจูงใจของทีมเยือนนั้นมีสูง พวกเขากลายเป็นฝ่ายกุมชะตาของตัวเองในการป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีก มองดูแล้วไม่มีเหตุผลอะไรที่ ฟูแล่ม จะสามารถต้าน แมนฯซิตี้ ที่กำลังร้อนแรงได้

22.30น. สเปอร์ส – ลิเวอร์พูล
กระโดดข้ามไปที่เวลา 22.30น. หรือคู่ดึกสุด “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่เริ่มมีหวังเล็กน้อยกับการคว้าท็อปโฟร์ หลังจากเอาชนะมา 3 เกมรวด ไล่ตามอันดับ 4 อย่าง แมนฯยูไนเต็ด อยู่ 7 คะแนน แต่เยอร์เก้น คล็อปป์ ไม่ได้สนใจ ขอแค่ลูกทีมทำผลงานให้ดีที่สุดในช่วงที่เหลือของฤดูกาลนี้ ส่วนจะได้ไปเล่นถ้วยยุโรปหรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เกมนี้ยังไม่มีตัวเจ็บอย่าง สเตฟาน บาจเซติช, นาบี เกอิต้า และโรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ส่วน อิบราฮิม่า โกนาเต้ จะกลับมาเป็นตัวจริงหลังได้พักในเกมที่บุกเอาชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-1ขณะที่ ดีโอโก้ โชต้า ก็น่าจะผ่านความฟิตลงตัวจริงประสานงานกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และโคดี้ กัคโป
ฟากผู้มาเยือน “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ที่เปลี่ยนกุนซือในฤดูกาลนี้มาแล้ว 3 ราย ล่าสุดคือ ไรอัน เมสัน ประเดิมเกมแรกด้วยการเปิดบ้านไล่ตามตีเสมอ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-2 นอกเหนือจากการได้ 1 คะแนน พวกเขายังหวังที่เรียกศรัทธาจากแฟนบอลกลับมาอีกครั้ง เกมนี้ยังไม่มี อิฟส์ บิสซูม่า, โรดริโก้ เบนตานคูร์ และเอแมร์ซอน รอยัล ที่ยังบาดเจ็บ เช่นเดียวกับ ฮูโก้ ญอริส ต้องรอทดสอบความฟิต ในรายของ เบน เดวีส์ กลับมาซ้อมแล้วแต่ยังไม่น่าจะพร้อม เกมนี้ต้องฝากความหวังไว้ที่แนวรุกอย่าง เดยัน คูลูเซฟสกี้, ซน ฮึง-มิน และแฮร์รี่ เคน
ทรรศนะ: ลิเวอร์พูล กำลังเล่นได้อย่างมั่นใจมากขึ้น เกมรุกกลับมาผลิตสกอร์ได้เป็นกอบเป็นกำอีกครั้ง ส่วนเกมรับเป็นปัญหาที่ยังแก้ไม่ตก เสียประตูทุกนัดใน 4 เกมหลังสุด เจอกับ สเปอร์ส ที่ต้องเริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ ด้วยนักเตะชุดเดิม นัดล่าสุดถือว่าทำได้ดี แสดงออกความพวกเขาก็สู้เป็นเหมือนกัน ไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจคือ ลิเวอร์พูล ไม่เคยปราชัยให้กับ สเปอร์ส ในทุกรายการมา 11 เกมติด ซึ่งการพ่ายแพ้ครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ปี 2017 เกิน 5 ปี เรียกได้ว่าเข้าไปแล้ว ดังนั้นการมาเยือน แอนฟิลด์ พวกเขามักจะผิดหวังเสมอ รวมไปถึงหนนี้ด้วย
๐ 20.00น. แมนฯยูไนเต็ด – แอสตัน วิลล่า
ทรรศนะ: “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผิดหวังจากผลการแข่งขันในเกมที่แล้วพวกเขาควรได้ 3 คะแนนกลับบ้านทั้งที่ออกนำ 2-0 ในครึ่งแรก แต่กลับโดนสเปอร์สตีเสมอ 2-2 เกมนี้ต้องว่ากันใหม่ เอริค เทน ฮาก ยังเจอปัญหานักเตะบาดเจ็บรบกวนเหมือนเดิม ยังไม่มีคูเซนเตอร์ตัวจริงอย่าง ลิซานโดร มาร์ติเนซ และราฟาเอล วาราน แถม แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ก็ดูเหมือนจะมีอาการบาดเจ็บอีก ทำให้ต้องขยับ ลุค ชอว์ มายืนกับ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ ส่วนเกมรุกไม่มีปัญหาอะไร ที่น่ากังวลคือฟอร์มของ คาเซมิโร่ ที่ดูจะดร็อปลงไป ส่งผลกับทีมพอสมควร เจอกับ แอสตัน วิลล่า ของ อูไน เอเมรี่ ที่กำลังมั่นใจสุด ๆ ไม่แพ้ใครมา 10 เกมติด ชนะถึง 8 แพ้ 2 แม้ แมนฯยูไนเต็ด จะได้เล่นในบ้าน แต่ไม่ง่ายแน่นอน เชื่อว่าทีมเยือนที่กำลังท็อปฟอร์มน่าจะบุกมาหยิบได้อย่างน้อย 1 แต้ม

๐ 20.00น. นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด – เซาธ์แฮมป์ตัน
ทรรศนะ: “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด กลับมาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมอีกครั้ง หลังโดน วิลล่า ถล่ม 3-0 พวกเขากลับมาอัด สเปอร์ส 6-1 และบุกถล่ม เอฟเวอร์ตัน อีก 4-1 ทำให้ 2 เกมยิงไป 10 ประตู เกมรุกกำลังเข้าฝักอะไรก็ต้านยาก เจอกับ “นักบุญ” เซาธ์แฮมป์ตัน เวลาบนลีกสูงสุดของพวกเขากำลังหมดลงแล้ว หลังพ่ายคารังให้กับ บอร์นมัธ ทำให้มีอยู่แค่ 24 คะแนนตามหลังโซนปลอดภัยอยู่ 6 แต้ม แม้โอกาสจะน้อย แต่กุนซือ รูเบน เซเยส ก็ลั่นกลองรบพร้อมต่อสู้จนวินาทีสุดท้าย แต่กำลังใจและแรงฮึดนั้นไม่อาจช่วยอะไร หากคุณภาพของผู้เล่นยังห่วยแตกแบบนี้ ทั้งเกมรุกและเกมรับ หวังพึ่งพาอะไรไม่ได้เลย อีกมุมอาจจะไปทำเซอร์ไพรส์เหมือนการเสมออาร์เซน่อล 3-3 แต่นี่คือ นิวคาสเซิ่ล ที่ขวัญกำลังใจต่างกัน ดูแล้วไม่น่ารอด
๐ 20.00น. บอร์นมัธ – ลีดส์ ยูไนเต็ด
ทรรศนะ: เกมหนีตาย เอเอฟซี บอร์นมัธ ของ แกรี่ โอนีล ทำผลงานได้อย่างน่าเซอร์ไพรส์ ในการลุ้นหนีตาย ทั้งที่พวกเขาคือตัวเต็งลำดับต้น ๆ ที่จะกระเด็นกลับเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ชัยชนะในเกมล่าสุดเหนือเซาธ์แฮมป์ตัน นั้นมีความสำคัญสุด ๆ ทำให้ตอนนี้มี 36 คะแนน แม้จะยังไม่ปลอดภัย แต่ก็ทำให้หายใจได้โล่งขึ้นเยอะ เกมนี้ต้องดวลกับ “ยูงทอง” ลีดส์ ยูไนเต็ด ของ ฆาบี้ กราเซีย ไม่ชนะมา 4 เกมติด มี 30 คะแนน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเกมที่สูสี บอร์นมัธ เล่นได้อย่างมั่นใจและรอจังหวะอย่างใจเย็น ส่วน ลีดส์ ยูไนเต็ด ไม่ค่อยนิ่ง เกมรับเสียประตูง่าย เชื่อว่าเกมนี้อย่างน้อย ๆ เจ้าถิ่นไม่น่าแพ้