10 ตุลาคม 2024
hilight-หลัก Story

รอนนี่ : เปรี้ยวหวานมันส์เค็มเต็มสิบไม่หัก

🟩🟨🟥 “Unbreakable”
ที่สุดของ”รอนนี่”สู่ความเป็น”รอนนี่”📚

…..เรียกเสียงฮือฮาได้อย่างน่าสนใจ กับหนังสือเล่มใหม่ของ “เดอะ ร็อคเกตส์” รอนนี่ โอซุลลิแวน ยอดขุนพลเอกของโลกกีฬา

“Unbreakable” คือชื่อของหนังสือนี้

หนังสือเล่มนี้ออกวางจำหน่ายเป็นที่เรียบร้อย เนื้อหาครอบคลุมการเติบโตของ รอนนี่ ตั้งแต่เป็นวัยรุ่นที่มีพรสวรรค์เต็มเปี่ยมแต่ไร้หางเสือ ไปจนถึงความรุ่งโรจน์ของเขาในครูซิเบิ้ล เธียเตอร์ และสร้างชื่อเสียงให้เป็นซูเปอร์สตาร์

เขาพูดถึงการเลี้ยงดูที่ยากลำบาก เนื่องจากทั้งพ่อและแม่ของเขาถูกจำคุก และเขาต้องดูแล แดนิเอลเล่ น้องสาวคนเล็กของเขาอีกคนหนึ่งด้วย

รอนนี่ขึ้นชั้นเป็นนักสนุกเกอร์ที่ได้แชมป์โลกมากที่สุดในยุคโมเดิร์น 7 สมัยเท่ากับ สตีเฟ่น เฮนดรี้ โดยเขากล่าวว่า ช่วงเวลาสำคัญในการเตรียมพร้อมสำหรับเซสชันสุดท้ายในเดือนพฤษภาคม 2022 ซึ่งเขาชนะ จัดด์ ทรัมป์ 18-13 เฟรม

เขาได้ดูหนัง Only Fools and Horses และ Storage Hunters UK บนโทรศัพท์มือถือของเขา!!!!!

รอนนี่ ระบุว่า เขา “สูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง” เป็นเวลา 7 ปีให้กับแอลกอฮอล์และยาเสพติด

ก่อนจะมาเรียนรู้ว่า “ความสุขคืออะไร”

แชมป์โลก 7 สมัยมีปัญหาเกี่ยวกับเครื่องดื่ม ยาเสพย์ติด และโรคซึมเศร้า

เขาถูกปลดจากตำแหน่งแชมป์ไอริช มาสเตอร์ส ในปี 1998 หลังจากตรวจพบกัญชาในร่างกาย และในปี2000 เข้ารับการบำบัดเพื่อรักษาอาการเสพติดของเขา

“มีช่องว่างขนาดใหญ่เกิดขึ้นในชีวิตผม” วัย 47 ปี กล่าวกับ BBC Radio 4 “ผมเสียเวลาไป 6-7 ปีกับการดื่มและเสพกัญชา จากนั้นอีก 4 ปีในการจัดการกับสิ่งของนอกโต๊ะสนุ้ก ซึ่งผมรับมือกัลมันได้ไม่ดีนัก”

“ผมไม่ได้โฟกัสไปที่สนุกเกอร์ แต่ผมคิดว่าทุกคนคงมีปัญหาเหล่านั้น แต่ 10 ปีที่ผมตกอยู่ในสถานการณ์นั้น ผมไม่ได้ทำอะไรมากนัก ผมไม่ได้ซ้อมมากนัก แน่นอนว่า….ผมไม่มีโอกาสชนะเลย”

ในช่วงที่เขาตกต่ำที่สุด โอซุลลิแวน ซึ่งพ่อแม่ของเขาถูกนำตัวเข้าคุกในช่วงที่รอนนี่เป็นวัยรุ่น ซึ่งเขากล่าวว่า เขาพึ่งพาแอลกอฮอล์และกัญชาเพื่อให้วันเวลาผ่านไป

“ผมสูญเสียบุคลิกและความมั่นใจ และจำเป็นต้องเสพสารเสพติดเพียงเพื่อให้รู้สึกว่าสามารถเข้าสังคมได้”

“จากนั้นคุณก็จะรู้สึกดีขึ้น และคุณก็จะอึดอัดในสถานการณ์ทางสังคม และคุณคิดว่า ผมจะจัดการกับสถานการณ์เหล่านี้อย่างไร??? คุณรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อยและเริ่มส่งผลกระทบต่อผมในหลายๆด้าน ผมจะใช้ชีวิตอย่างปกติได้อย่างไร

“มันแปลก ผมต้องเรียนรู้ที่จะทำสิ่งเหล่านั้นอีกครั้ง มันต้องใช้เวลา แต่เมื่อผมไปถึงที่นั่น ผมได้รู้ว่าคุณต้องสร้างชีวิตที่แตกต่างให้กับตัวเอง บางทีฉันอาจจะไม่เหมาะกับ X, Y และ Z”

“สถานที่ที่มีความสุขของผม คือการออกไปวิ่งในตอนเช้า และผมก็ออกไปวิ่งกับเพื่อนของฉผม และผมก็รู้สึกดีกับมัน ให้ผมอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีผู้คนมากมาย”

ตอนนี้เขามองว่าสนุกเกอร์เป็น “การพักผ่อนที่ยอดเยี่ยม” โดยมีห้องสนุกเกอร์เป็นสถานที่ที่เขาไป “รู้สึกผ่อนคลายและสงบ”

“ผมรักกีฬาของผมเสมอ และนั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผม นั่นทำให้สิ่งล่อใจในการออกไปข้างนอกให้ค่อย ๆ หายไป ผมกลับมาสมาธิอีกครั้งกับเกมสนุกเกอร์”

“ผมคิดว่าการเข้ารับการบำบัดสอนให้ผมรู้ว่าความสุขคืองานของเรา ซึ่งผมเชื่อแบบนั้นจริงๆ ดังนั้นตั้งแต่ช่วงเวลานั้นในปี 2000 ผมเชื่อเช่นนั้นเสมอมา”

ขณะเดียวกัน เราไม่ทราบมาก่อนเลยว่า คนในวงการหลายคนเรียกเขาว่า “ไอ้ผี”

รอนนี่ เปิดเผยว่าเขาได้รับฉายาว่า “ผี” โดยเพื่อนนักสนุกเกอร์

เหตุเป็นเพราะพวกเขาไม่ค่อยเห็นเขาในทัวร์นาเมนต์เท่าไหร่นัก!!!!

แชมป์โลก 7 สมัย ยอมรับว่า เขาไม่ชอบสังสรรค์กับคู่แข่ง หรือเพื่อนร่วมอาชีพ เมื่อแมตช์การแข่งขันจบลง หากชนะก็มักจะตรงกลับไปที่ห้องพักในโรงแรมเพื่อรับชม Netflix บนเตียง

วันเวลาแห่งการปาร์ตี้ในไนต์คลับของเขาหมดไปนานแล้ว เพราะเขา “ไม่อยากอยู่ใกล้คนเมา” อีกต่อไป

สิ่งปลอบใจของเขาคือ การวิ่งและการออกกำลังกาย

“สนุกเกอร์คืองานของฉัน แต่โลกของมืออาชีพมักทำให้ผมรู้สึกแปลกแยกเสมอ ถ้าคุณมาชมการแข่งขันสนุกเกอร์ คุณจะไม่เห็นผมที่ไหน ยกเว้นตรงโต๊ะสนุกเกอร์เท่านั้น คุณจะไม่เห็นผมไปไหนมาไหนกับผู้เล่นคนอื่น ไม่ใช่เพราะผมไม่ชอบพวกเขา แต่เพราะผมไม่มีอะไรเหมือนกับพวกเขา”

ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ผมอาจจะเป็นนักสนุกเกอร์ที่ต่อต้านสังคมมากที่สุดในสนาม มีผู้เล่นคนหนึ่งพูดกับผมเมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่า “เฮ้ย รอน!!!! เราเรียกคุณว่าผี”

“เราไม่เคยเห็นคุณ แต่เรารู้เสมอว่าประมาณ 10 นาทีก่อนเกมของคุณ คุณจะแอบเข้ามา และทันทีที่คุณทำเสร็จ คุณก็หายไป คุณออกไป คุณไม่ใช่จรวด(เดอะ ร็อคเกตส์) แต่คุณคือผี!!!!!”

รอนนี่ ระบุว่า ถึงเขาจะรักในสนุกเกอร์สุดหัวใจ แต่ตัวเขาไม่มีความสนใจที่จะอยู่ใกล้”คนสนุกเกอร์”แม้แต่น้อย

“มันเป็นเรื่องน่าละอายในบางเรื่อง แต่ผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคุณพบความรักในสิ่งอื่น มันอาจจะเหมือนกับจอห์น แมคเอนโร(นักเทนนิส)เล็กน้อย พวกเขามองว่าผมเป็นคนที่อยากเป็นศิลปิน หรือนักเล่นกีตาร์มากกว่าเป็นนักเทนนิส มันเป็นเพียงพรสวรรค์ของเขาในศาลเท่านั้น”

ในเรื่องของความรัก รอนนี่ บอกว่า ไลล่า รออัสส์ นักแสดงหญิงรุ่นเดียวกัน ที่คบหาดูใจกันมา 10 ปีเต็ม ทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้นอย่างมาก

ทั้งคู่เลิกกันในช่วงสั้นๆ เมื่อปีที่แล้ว ก่อนที่ ไลล่า จะยืนยันด้วยตัวเธอเองว่า ได้กลับมาคบกันอีกครั้ง หลังจากแยกกันอยู่ไป 3 เดือน

ความสำเร็จล่าสุดของ รอนนี่ ในการเป็นแชมป์โลก เมื่อปีที่แล้ว เกิดขึ้นหลังจากการต่อสู้กับปัญหาสุขภาพจิตที่มีการจัดทำเป็นเอกสารไว้อย่างดี

รอนนี่ บอกว่า เขากับไลลาร่วมกันต่อสู้ โดยมีโปรแกรม 12 ขั้นตอนในการทำงานร่วมกับจิตแพทย์การกีฬา

“ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับไลลาดีมาก เธอยอดเยี่ยมมาก ผมรักเธอ เธอเป็นเพื่อนที่ดีและผมชอบที่จะอยู่ใกล้เธอ เธอสนับสนุนผมมาก ผมก็ต้องทำตัวดีๆ ผมก็แค่อยากเห็นเธอและลูกสาวมีความสุข”

“ผมเป็นคนที่มีระเบียบวินัยน้อยลง ผมเปลี่ยนบุคลิกตัวเอง แต่ผมเรียนรู้ที่

จะไม่จริงจังกับตัวเองมากเกินไป นอกจากนี้ผมยังเป็นนักปรัชญามากขึ้น ผมอยากให้ครอบครัวของเราทั้งสองแข็งแรงและมีความสุข แค่นี้จริงๆ”

ไลลาและตำนานนักสนุกเกอร์ โอซัลลิแวน วัย 47 ปี ไม่มีลูกด้วยกัน แต่ทั้งคู่มีลูกจากความสัมพันธ์ครั้งก่อนหน้านี้ นั่นคือ ไลล่า มีลูกสาวชื่อ อิเนซ อายุ 15 ปี ส่วน รอนนี่ มีลูกด้วยกัน 3 คน คือ เทย์เลอร์-แอนน์ อายุ 26 ปี, ลิลลี่ อายุ 16 ปี และ รอนนี่ จูเนียร์ อายุ 15 ปี

สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ดูเหมือนว่า รอนนี่ จะอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่า สตีเฟ่น เฮนดรี้ อย่างมากในการสร้างสถิติเป็นนักสนุกเกอร์ที่ดีที่สุด ครองแชมป์โลกได้มากที่สุด หากเราเทียบกับช่วงเวลาที่ท้าทายทางจิตใจของเขา ซึ่งเขาระบุว่าอยู่ระหว่างปี 1994 ถึง 2000 ที่ทำให้จิตใจกับอารมณ์ของเขาถูกทำลาย

เขาบอกว่าก่อนเกมใหญ่ ๆ เขาไม่ชอบอะไรมากไปกว่านั่งอยู่ในห้องแต่งตัวและเคี้ยวสโคนของ Marks & Spencer ที่เคลือบด้วยครีมและแยม

สโคน คือ เบเกอรี่ QUICK BREAD อังกฤษ ลักษณะเป็นขนมอบก้อนกลม ทำมาจากแป้งสาลี ไข่ น้ำตาล นมสด และเนย

นอกจากนี้ รอนนี่ ยืนยันว่า เขาได้เปลี่ยนความคิดของตัวเอง และพร้อมจะเดินทางไปแข่งขันทั่วโลก

“ตอนนี้ผมเปลี่ยนไปแล้ว ผมจะไปเที่ยวและเล่นทัวร์นาเมนต์ในต่างประเทศทั้งหมด และจะเล่นทุกทัวร์นาเมนต์ในสหราชอาณาจักร” เขากล่าว “ผมอาจจะไม่สามารถทำได้ทั้งหมด จากที่ก่อนหน้านี้ผมเคยพูดว่า ผมจะไม่เดินทาง ผมจะอยู่ในสหราชอาณาจักร ซึ่งฟังดูดี แต่ตอนนี้ผมคิดว่า ในขั้นตอนนี้ของอาชีพการงานของฉัน แน่นอนว่าเอเชียคือสถานที่ที่ยิ่งใหญ่สำหรับการแข่งขัน การแข่งขันที่ใหญ่กว่า ดังนั้นฉันจึง จะทำมันและคิดถึงอังกฤษ

“ถ้าฉันทำได้ไม่ดีในเอเชีย ฉันจะกลับบ้านก่อนเวลา จากนั้นฉันก็ไม่รังเกียจที่จะขึ้นเครื่องบินไปสกอตแลนด์หรือเบลฟาสต์ แต่ถ้าฉันทำได้ดี ฉันอยากมีเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ กลับบ้าน พักผ่อนกับสุนัข แล้วขึ้นเครื่องบินกลับอินเดียหรือที่ไหนก็ได้”

นี่คือบางส่วนบางตอนบางช่วงที่่น่าสนใจของ “หนังสือใหม่” ของจอมคิวจากดาวอังคาร

เชื่อกันว่า หลายคนคงอยากจะรับรู้ชีวิต การเดินทาง และสารพัดสารพันกับชีวิตของนักสอยคิวผู้นี้

ที่ครบเครื่องทุกรสเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เต็มสิบไม่หักโดยแท้

บีแหลมสิงห์™️✍🏻

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *